ค้นโรงงานร้างแปดริ้ว ทำเหมืองบิทคอยน์ ลอบใช้ไฟฟ้า ยึด 109 เครื่อง สุราษฎร์ 111 ตัว

ค้นโรงงานร้างแปดริ้ว

กองปราบฯ แถลงจับ 2 ผู้ ต้องหาลอบใช้ไฟหลวงเหมือง บิทคอยน์ ค้นโรงงานร้างแปดริ้ว ทำเหมืองบิทคอยน์

กองปราบฯ แถลงจับ 2 ผู้ ต้องหาลอบใช้ไฟหลวงเหมือง บิทคอยน์ ค้นโรงงานร้างแปดริ้ว ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทำรัฐสูญกว่า 10 ล้านบาท หลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าพบใช้ไฟมากผิดปกติ ส่งทีมสืบสวนตรวจสอบพบดัดแปลงมิเตอร์ ประสานชุดสืบสวนนำหมายศาลลุยค้นปูพรม 9 จุด ยึดเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัลถึง 111 เครื่อง อีกรายตำรวจฉะเชิงเทราทลายโรงงานร้างแก้ไขมิเตอร์ใช้ไฟฟ้าในเหมืองบิทคอยน์ เสียหายกว่า 17 ล้านบาท

ทลายเหมืองขุดบิทคอยน์ดัดแปลงมิเตอร์ลอบใช้ไฟหลวง ค้นโรงงานร้างแปดริ้ว ทำรัฐเสียหายหลายสิบล้านบาท รายแรก เปิดเผยเวลา 10.30 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. และนายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการสายงานปฏิบัติการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการบุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์ดัดแปลงมิเตอร์ลักกระแสไฟฟ้าหลวง หลังนำหมายค้นศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย 9 จุดใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายณัฐพงษ์ วีระเกียรติ อายุ 30 ปี และนายอาทิตย์ สุวรรณเมฆ อายุ 30 ปี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมของกลางเครื่องขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ 111 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พร้อมจอภาพ 7 ชุด อินเตอร์เน็ตเราเตอร์ 10 ชุด และเครื่องมิเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกแก้ไขดัดแปลง 10 เครื่อง

พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวว่า ช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา รับแจ้งว่ามีบ้านต้องสงสัยเป็นอาคารพาณิชย์ 1 หลัง มีชายวัยรุ่นเช่าไว้โดยไม่มีผู้อยู่อาศัย มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบบ้านสงสัยอาจใช้ในการติดตั้งเครื่องซิมบ็อกซ์ (Sim Box) ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้แปลงสัญญาณโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนทราบผู้เช่าบ้านคือนายณัฐพงษ์ นอกจากนี้ ทราบอีกว่านายณัฐพงษ์เช่าอาคารพาณิชย์ที่อื่นๆ รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยในลักษณะเดียวกันอีก 6 แห่ง และเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวอีก 2 แห่ง รวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น และหมายจับบุกรวบตัวพร้อมของกลาง

พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายณัฐพงษ์พบว่า มีธุรกรรมต้องสงสัยในห้วงเดือน ม.ค. 2566 ถึง ก.ค.2567 มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ได้ประสานงานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตรวจสอบ การใช้กระแสไฟฟ้าของบ้านต้องสงสัย พบว่ามีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับค่าไฟฟ้าแต่ละเดือน น่าเชื่อว่ามีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลักกระแสไฟฟ้านำไปใช้เปิดทำงานของเครื่องขุดเงินดิจิทัลบิทคอยน์ มีนายอาทิตย์ร่วมกระทำความผิดด้วย

สอบสวนนายณัฐพงษ์รับสารภาพว่า ทำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 เริ่มจากการหาเช่าบ้านเพื่อใช้เป็นสถานที่ติดตั้งเหมืองขุดบิทคอยน์ จากนั้นเริ่มทยอยสั่งซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์มือสองผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊กนำมาติดตั้งในบ้านแต่ละหลัง ก่อนว่าจ้างให้นายอาทิตย์ดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ทำให้วัดปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องและเปิดใช้งานระบบเหมืองขุดบิทคอยน์เรื่อยมา ส่วนนายอาทิตย์ยอมรับว่านายณัฐพงษ์จ้างดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อให้อ่านค่าได้น้อยกว่าความเป็นจริง รวมถึงเป็นคนติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับเครื่องขุดบิทคอยน์ดังกล่าว

ด้านนายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการสายงานปฏิบัติการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคือการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าอย่างผิดกฎหมาย โดยการดัดแปลงมิเตอร์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ อยากฝากเตือนประชาชนว่าห้ามดัดแปลงมิเตอร์เพื่อลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมายข้อหาลักทรัพย์ (ลักกระแสไฟฟ้า) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนเจ้าของสถานที่หรือผู้ให้เช่า หากพบการกระทำดังกล่าวแล้วนิ่งเฉยก็จะมีความผิดด้วย สำหรับประชาชนที่พบเบาะแสหรือต้องการตรวจสอบมิเตอร์สามารถแจ้งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่าการทำเหมืองบิทคอยน์สามารถทำได้ แต่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าที่ถูกกฎหมาย ไม่ลักลอบใช้อย่างกรณีดังกล่าว เพราะมีความผิดตามกฎหมาย

มีรายงานว่าจากการตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้าของผู้ต้องหารายนี้พบว่าหากไม่มีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าในเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวน 111 เครื่องจะต้องเสียค่าไฟเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ผู้ต้องหาทำมาแล้วกว่า 1 ปี คาดว่ามูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท

ส่วนที่ จ.ฉะเชิงเทรา สายวันเดียวกัน พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุมิตร พรมตอง ผกก.สภ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา และนายสุชาติ โตอัจฉริยะวงศ์ ผู้จัดการไฟฟ้าฉะเชิงเทรา นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงงานร้าง หมู่ 18 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว หลังตรวจพบว่ามีการละเมิดการใช้ไฟฟ้าด้วยการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เมื่อไปถึงพบหม้อแปลงด้านนอกโรงงานมีการดัดแปลงหม้อ แปลงเดินสายไฟโยงเข้าไปในโกดัง ภายในพบเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับขุดเหรียญสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ ถูกจัดวางเป็นระเบียบบนชั้นเหล็กจำนวน 6 ชั้น รวม 109 เครื่อง ทุกเครื่องเปิดทำงานตามปกติ นอกจากนี้ยังพบว่ามีเครื่องที่รอการติดตั้งอีก 66 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท เครื่องสำรองไฟและแบตเตอรี่ สำรองถูกวางไว้ด้านหลังตามจุดต่างๆโดยรอบ

นายสุชาติ โตอัจฉริยะวงศ์ ผู้จัดการไฟฟ้าฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของการใช้ไฟฟ้าในโกดังดังกล่าว ก่อนส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาซุ่มดูพบว่ามีรถเข้าออกเป็นบางครั้งในเวลากลางคืน แต่โรงงานเป็นโรงงานร้างกลับมีการใช้ไฟฟ้าทุกเดือนจึงพบความผิดปกติ อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้างกำแพงโกดัง ได้ยินเสียงพัดลมดังต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา สันนิษฐานว่าด้านในอาจมีการลักลอบใช้ไฟฟ้าแบบผิดกฎหมาย หรือการขุดเหมืองบิทคอยน์ ก่อนประสานตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบ ส่วนความเสียหายจากการใช้ไฟฟ้าใน 1 เดือนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และคาดว่ากลุ่มผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าน่าจะแอบทำมาหลายเดือนแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายที่รัฐต้องสูญเสียไปหลายสิบล้านบาท

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน