ลิลลี่ เหงียน ยื่นฟ้องนักแสดงสาว ลูกหนี้ชื่อดัง เพิ่มข้อหาฉ้อโกง

ลิลลี่ เหงียน ยื่นฟ้องนักแสดงสาว

ลูกหมี ควง ลิลลี่ เหงียน ยื่นฟ้องนักแสดงสาว

“ลูกหมี” ควง “ลิลลี่ เหงียน” พร้อมทนาย ยื่นฟ้องต่อนักแสดงสาวสวยลูกหนี้ชื่อดัง เพิ่มข้อหาฉ้อโกง ยันพร้อมสู้ในชั้นศาล ลั่นหากมีปาฏิหาริย์ได้เงินคืน จะยอมถอนแจ้งความ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 กันยายน 2567 ที่ศาลแขวงพระนครใต้ น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี หรือ ลูกหมี อายุ 45 ปี นางแบบชื่อดัง และ ลิลลี่ เหงียน พร้อมด้วย น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง เดินทางเข้ายื่นฟ้องดำเนินการในข้อหาฉ้อโกง, พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ต่อนักแสดงสาวสวยลูกหนี้ชื่อดัง หลังเจรจาไกล่เกลี่ยขอเงินคืนแล้วไม่เป็นผล

น.ส.รัศมี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมายื่นฟ้องในคดีฉ้อโกงต่อลูกหนี้ของตน โดยเริ่มแรกตนได้ตัดสินใจดำเนินคดีในส่วนเช็คเด้ง เพราะตั้งใจจะทำให้คดีเรียบง่ายที่สุด แต่ว่าพฤติกรรมของลูกหนี้ไม่ได้เรียบง่ายและปัญหายังคงไม่จบ โดยลูกหนี้ได้บอกตนว่ามีเงินจะใช้หนี้แต่กลับไม่ใช้ ผ่านมาหลายเดือนแล้วจนตนหมดความอดทน จึงได้ดำเนินการฟ้องต่อศาลในวันนี้ เพราะตนต้องการเงินคืน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ ทางลูกหนี้ก็ไม่เคยติดต่อมาเพื่อที่ไกล่เกลี่ยเจรจาในเรื่องของการคืนเงินเลยสักครั้ง ไม่รับผิดชอบ ซ้ำยังขอโทษปัดความผิดของตัวเองไปให้คนอื่น ซึ่งทางลูกหนี้ดูเป็นคนมีเงิน แต่กลับไม่ใช้คืน จึงคิดว่าถ้าลองลดค่าครองชีพแล้วนำเงินมาใช้เจ้าหนี้จะดีกว่า หากตั้งใจจริง ค่อย ๆ ทยอยใช้เดี๋ยวก็หมดไป

ทนายกุ้ง กล่าวว่า ครั้งแรกที่เราได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ในส่วนของเช็คเด้งที่ สน.ทองหล่อ ตอนนี้มาฟ้องเพิ่มในข้อหาฉ้อโกง และ พ.ร.บ.เช็คเด้ง ทั้งสองอย่างรวมเป็นคดีเดียวกัน เหตุเกิดจากทางลูกหมีได้ให้ลูกหนี้ชำระจ่ายเช็คตามสัญญาเงินกู้ 2 ล้านบาท แต่เมื่อเช็คเด้งแล้วลูกหนี้ไม่ชำระ ทางลูกหมีจึงได้ไปแจ้งความไว้ แต่ไกล่เกลี่ยกันไม่สำเร็จ จึงได้ดำเนินการแจ้งความไว้ในครั้งแรก โดยช่วงเดือน ก.ค. ทางตนได้ทราบความจริงว่า ที่ลูกหนี้กู้เงินลูกหมีไปอ้างว่าจะนำไปทำธุรกิจลงทุนนั้น เมื่อไปตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีธุรกิจตามที่กล่าวอ้างจริง ๆ ก็เลยเข้าข่ายฉ้อโกงร่วมด้วย จึงได้ยื่นฟ้องฉ้อโกงร่วมกับ พ.ร.บ.เช็ค ซึ่งโทษของ พ.ร.บ.เช็ค จะจำคุกไม่เกินหนึ่งปี แต่ในส่วนของฉ้อโกงจะจำคุกไม่เกินสามปี ซึ่งจะทำให้โทษเพิ่มขึ้น

ทนายกุ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเป็นดอกเบี้ยที่เกินจริงนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ดอกเบี้ย แต่เป็นผลกำไรจากการลงทุน เพราะครั้งแรกที่ลูกหนี้นำเงินไป ได้บอกว่าจะนำไปลงทุนแล้วจะให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งตรงนั้นเป็นสิ่งที่ลูกหนี้เสนอมา โดยขณะนี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย และทางศาลก็ได้ให้เลขคดีมาแล้ว หลังจากนี้ก็จะเป็นในขั้นตอนของการนัดไต่สวนคดีมูลฟ้องในวันที่ 2 ต.ค. เวลา 09.00 น. ที่ศาลแห่งนี้อีกครั้ง หากศาลมองว่าคดีนี้เข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญา ศาลก็จะประทับฟ้องคดีนี้ไว้ ขบวนการต่อไปก็จะเรียกให้ทางจำเลยมายื่นคำให้การ แต่หากไม่มาก็จะออกหมายจับ แต่ในขณะนี้ ก็ไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ทุกอย่างขึ้นอยู่ตามขบวนการของศาล ทั้งนี้ยังทราบมาว่ามีเจ้าหนี้อีกหลายรายที่โดนในลักษณะเดียวกับลูกหมี แต่บางรายไม่กล้าแจ้งความเพราะไม่กล้าเปิดเผยตัว หรือกลัวผลกระทบกับงาน และทราบมาว่าผู้เสียหายอีกหลายราย ยังไม่มีใครได้รับเงินคืนสักราย

ทนายกุ้ง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนมองว่าลูกหนี้อาจเชื่อมั่นในตัวทนายของลูกหนี้ ซึ่งตนไม่ทราบว่าทนายได้รับข้อมูลจากลูกหนี้มาอย่างไร หรือครบถ้วนแค่ไหน ถึงได้มีการเชื่อมั่นกันมากเกินไป ตนแนะนำว่าให้ไกล่เกลี่ยเจรจากันดีกว่า เพราะทางฝั่งเจ้าหนี้พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยอยู่เสมอ หรือหากลูกหนี้มั่นใจว่ามีหลักฐานที่จะชนะคดีได้ ก็ให้นำหลักฐานมาสู้กันในชั้นศาล และในส่วนที่ลูกหนี้ได้ทำการแจ้งความเรากลับนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีความคืบหน้าจากทางตำรวจและยังไม่ได้รับหมายเรียกใด ๆ

ขณะที่ น.ส.รัศมี กล่าวทิ้งท้ายว่า หากมีปาฏิหาริย์ลูกหนี้ยอมคืนเงิน ตนยืนยันว่าจะยกฟ้องทันที และถอนแจ้งความให้เพื่อจบคดี.

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่👉ข่าวเด็ดประจำวัน