
“เอกนัฏ” ส่งทีมสุดซอยลุย ล้างบางจีนเทา ลักลอบนำเข้าขยะพิษมากลบฝัง และลักไก่แจกดินปนเปื้อนให้ชาวบ้านเอาไปถมที่ ชี้เคยสั่งให้แก้ไขแล้วแต่ไม่ปรับปรุง เตรียมยึดใบอนุญาต
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีบริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งได้แจกจ่ายดินปนเปื้อนเศษพลาสติกอันตรายให้ชาวบ้านนำไปถมที่ และตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ว่า ชุดตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจนพบบริษัท กำปั่นทอง อินดัสทรี จำกัด ตั้งอยู่ หมู่ 9 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่โกดังให้เช่าประกอบกิจการ
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเศษสายไฟถูกฝังกลบในพื้นที่โรงงานและบริเวณท่อส่งก๊าซของ ปตท. ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ บริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด นำไปแจกชาวบ้านเพื่อถมดิน นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิดในการครอบครองและประกอบกิจการคัดแยก บดย่อยขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) จ.ฉะเชิงเทรา เคยเข้าตรวจสอบ บริษัท กำปั่นทองฯ พบว่ามีการประกอบกิจการไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต จึงได้ออกคำสั่งให้หยุดและแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง แต่จากการเข้าตรวจสอบครั้งล่าสุด บริษัทฯ ยังคงเพิกเฉย จึงจำเป็นต้องสั่งหยุดกิจการ พร้อมยึดและอายัดเครื่องจักรและวัตถุอันตรายทั้งหมด
“ลักษณะการประกอบกิจการของบริษัทกำปั่นทองฯ ทำเหมือนผู้ให้บริการเช่าโกดัง มีหลักฐานการเก็บเงินค่าสาธารณูปโภค ของแต่ละโกดัง ยิ่งกว่านั้นยังทำเสมือนเป็นพื้นที่ฟรีโซนที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย โดยบริการรับจัดหาวัตถุดิบที่เป็นของต้องห้ามนำเข้าในประเทศ เช่น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ ชิ้นส่วนรถยนต์ มาให้แต่ละโกดังโดยคิดตามน้ำหนักของรถขนส่งสินค้าที่นำมาส่งให้แต่ละโกดังในแต่ละวัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
ด้านนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสริมว่า จากการเข้าตรวจสอบ บริษัทกำปั่นทองฯ มีนายเหว่ย เซิ่น หลิน เป็นกรรมการบริษัทและเป็นเจ้าของที่ดิน มีโกดังจำนวน 5 หลัง ทั้งหมดปล่อยให้ชาวจีนเช่าทำกิจการคัดแยก บดย่อย เศษสายไฟ มอเตอร์ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้า และเศษอลูมิเนียม แม้ว่าบริษัทฯ จะครอบครองใบอนุญาตโรงงานถึง 5 ใบ แต่กลับแจ้งประกอบกิจการเพียง 1 ใบอนุญาต คือประเภท 105 คัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วโดยไม่ใช่วัตถุอันตราย นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบโรงงานที่ตั้งอยู่นอกรั้วติดกันอีก 2 โรงงาน ก็ไม่มีใบอนุญาตโรงงาน และพบเศษอลูมิเนียมปนเปื้อนขยะอิเล็กทรอนิกส์และมิเตอร์ก๊าซอีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สอจ.ฉะเชิงเทรา ได้ออกคำสั่งให้หยุดกิจการ อายัดเครื่องจักร วัตถุดิบทั้งหมด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายและเสนอให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตโรงงานทั้งหมด สำหรับใบอนุญาตที่ยังไม่แจ้งประกอบกิจการ ส่วนกรณีฝังกลบเศษสายไฟบดย่อยถมทับที่บริเวณท่อส่งก๊าซ ปตท. ได้ประสานให้สำนักงานพลังงานจังหวัดมาตรวจสอบ และประสานองค์การบริหารส่วนตำบลเรื่องการลักลอบปล่อยน้ำเสียบริเวณรอบโรงงานด้วย
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน