
สงขลา สามีร้องสื่อ เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม เมียถูกสาวซิ่งปอร์เช่ชนดับ คาเยนน์ ชนท้าย จยย. ลากศพไกล 300 เมตร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีอุบัติเหตุที่รถยนต์หรูรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์ สีดำ พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเป็นหญิง 1 ราย อายุประมาณ 50 ปี
โดยมีนายศุภชัย สุวรรณรัตน์ ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชน พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองเป็นสามีของ นางสาวทองอุไรวรรณ์ พราหมณะ ผู้เสียชีวิต ซึ่งกลัวว่าภรรยาตนเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากได้ถูกรถยนต์หรูพุ่งชนท้ายเสียชีวิตคาที่ บริเวณถนนกาญจนวานิช ขาเข้าเมืองสงขลา ก่อนถึงไฟแดงแยกสำโรง ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุพยายามให้ชายไม่ทราบชื่อโทรศัพท์มาหาแม่ของตน ให้ถอนแจ้งความ เพื่อแลกกับการรับผิดชอบทั้งหมด หากไม่ถอนแจ้งความจะไม่รับผิดชอบใดๆ ตนจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นสาเหตุได้ร้องทุกข์สื่อเพื่อขอความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 8 ไทรบุรี ซอย 51 ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ได้พบกับ นางสาวฉวีวรรณ สังขกุล หรือ แม่ฉวีวรรณ อายุ 68 ปี (แม่ของนายศุภชัย) และ นายศุภชัย สุวรรณรัตน์ หรือ โจ๊ก อายุ 38 ปี (สามีผู้ตาย) ซึ่งทั้งคู่อยู่ในอาการโศกเศร้าและยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับพาผู้สื่อข่าวไปดูจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าปากซอย 1 ถนนกาญจนวานิช

ซึ่งพบว่าถนนพื้นผิวขรุขระ เนื่องมีการปรับปรุงจะทำการลาดยางทำถนนใหม่ ก่อนจะมอบหลักฐานภาพที่นางสาวทองอุไรวรรณ์เสียชีวิตช่วงเกิดเหตุและหลักฐานกล้องวงจรปิดช่วงนาทีรถยนต์หรูพุ่งชนท้าย ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ในช่วงวันเกิดเหตุ
จากการสอบถาม นายศุภชัย สุวรรณรัตน์ หรือ โจ๊ก ได้เล่าว่า ตอนนั้นเวลา 05.00 น. ตนเองพึ่งตื่นนอนและกำลังจะเตรียมตัวไปส่งแม่ของตนเอง แล้วก็เห็นว่าภรรยาตนเองยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน ซึ่งทำงานเป็นกุ๊กอยู่ร้านข้าวต้ม และตนคิดว่าคงไปส่งเพื่อนแล้วแวะซื้อของกินก่อนเข้าบ้าน ส่วนแม่ของตนก็ได้โทรไปหาแต่ก็ไม่มีใครรับสาย จากนั้นตนจึงได้ขี่รถไปส่งแม่ที่ทำงาน หลังจากที่ตนไปส่งแม่และระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งใกล้จะถึงบ้านอีก 300 เมตร เห็นรองเท้าแตะสีแดงของภรรยาตั้งอยู่ที่พื้นถนนซึ่งตนเองจำได้ และตนคิดว่าน่าจะล้มรถ จยย. จนได้รับบาดเจ็บ ตนจึงได้โทรศัพท์ไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเกาะยอสงขลา และโรงพยาบาลสงขลาในเมือง เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า มีชื่อภรรยามารักษาตัวหรือไม่
ซึ่งทั้ง 2 แห่ง บอกไม่มีชื่อนี้เข้ามารักษาและเจ้าหน้าที่ถามตนเองกลับมาว่า ตนเป็นอะไรกับผู้บาดเจ็บ ตนจึงได้ตอบกลับว่า เป็น สามีผู้บาดเจ็บ ก่อนจะวางสายและขี่รถกลับมาบ้าน ก่อนคนข้างบ้านจะเดินมาบอกตนว่า ภรรยาของตนโดนรถชนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งศพถูกเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเกาะยอสงขลา หลังได้ยินคนข้างบ้านมาบอก ตนถึงกับช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจมากๆ ตนคบกับภรรยามา 6 ปีกว่าแล้ว ซึ่งปีหน้านี้ตนและแม่ของตน ตั้งเป้าไว้ว่าจะลงทุนเปิดร้านเป็นของตนเองและให้ภรรยาเป็นกุ๊กทำอาหาร ซึ่งภรรยาของตนเป็นคนขยันมากๆ และนิสัยดีมากๆ ตนอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ และช่วยให้คนขับรถมารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำด้วย

ทางด้าน นางสาวฉวีวรรณ สังขกุล หรือ แม่ฉวีวรรณ ได้เล่าว่า ลูกสะใภ้ตนชื่อ กี้ ทำงานเป็นกุ๊กอยู่ร้านข้าวต้มแถวราษฎร์อุทิศ ซึ่งก่อนทราบเรื่องนั้นตนได้ตื่นนอนและเตรียมตัวกำลังจะไปทำงาน โดยให้ลูกชายไปส่ง แต่ตอนนั้นเกือบจะเช้าแล้วเห็นกี้ยังไม่กลับมาที่บ้าน จึงได้โทรศัพท์หาแต่ก็ไม่รับสาย เมื่อไปถึงที่ทำงานลูกชายก็โทรศัพท์มาบอก ตนจึงได้ให้ลูกชายมารับและไปสอบถามเหตุการณ์ที่ป้อมตำรวจสำโรง จนทราบว่า ถูกรถยนต์ชนท้ายเสียชีวิตคาที่ตรงข้ามป้อมตำรวจพอดี ซึ่งรถยนต์ได้ชนและลากมาจากร้านน้ำชาตรง ก่อนถึงสะพานลอยมาถึงหน้าศูนย์รถ หลังเกิดเหตุคนขับรถได้ลงมาจากรถและพยายามตกลงกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมเพราะญาติผู้เสียชีวิตกำลังติดต่อและยังไม่มา
อีกอย่างคนขับเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 30 ปี มีอาการมึนเมาอีก จะปล่อยไปได้ไง เบื้องต้นมากับผู้ชายอีกคน จากนั้นตำรวจก็พาตัวไปสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา หลังเกิดเหตุมีผู้ชายโทรศัพท์มาหาตน แต่ไม่ใช่คนขับรถยนต์ที่เป็นผู้หญิงโทรมา ซึ่งระหว่างที่ผู้ชายโทรศัพท์มานั้น ได้บอกกับตนว่า “อย่าให้ถึงตำรวจ เรียกค่าเสียหายมาเลยว่าเท่าไร” และบอกกับตนอีกว่า “ส่งเลขบัญชีธนาคารมาเลย” แต่ตนก็ปฏิเสธและไม่ส่งไป ต้องรอแม่ของกี้เดินทางมาจากนครราชสีมาถึงสงขลาก่อน
“ปกติกี้มีภาระเยอะที่ต้องดูแล โดยเฉพาะที่บ้านต้องพึ่งเค้าทั้งนั้น เค้าขยัน และเค้าเป็นคนดีมากๆ ตนรู้สึกเสียใจมากและอยากฝากให้คนขับรถยนต์มารับผิดชอบด้วย “
โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพนาทีเกิดเหตุ คลิปช่วงเวลา 04.29.23 น. ของวันที่ 8 มิถุนายน 2568 เป็นช่วงนาทีรถยนต์หรูปอร์เช่ พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ของนางสาวทองอุไรวรรณ์เข้าอย่างจัง ขณะที่นางสาวทองอุไรวรรณ์กำลังขี่รถกลับบ้านพัก ซึ่งประมาณอีก 100 เมตร ถึงหน้าปากซอยบ้านตนเอง ซึ่งระหว่างชนมีรถยนต์สายตรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาขับมาที่ป้อมตำรวจพอดี จึงทำให้เห็นเหตุการณ์พอดี และสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ทางญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมารับศพนางสาวทองอุไรวรรณ พราหมณะ ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเกาะยอสงขลา เพื่อไปบำเพ็ญกุศลพิธีตามหลักศาสนาพุทธที่วัดโรงวาส ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา และในเวลา 16.00 น. จะมีพิธีรดน้ำศพ
จากข้อมูลของญาติทราบว่าในวันนี้ทาง นางสาวพิชญา ลาภาธารกุล อายุ 30 ปี คนขับรถยนต์ปอร์เช่ จะเดินทางมาร่วมรดน้ำศพด้วย
ต่อมาเวลา 14.00 น. ทางญาติได้แวะจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ

ส่วนเรื่องคดีนั้นทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า ยังไม่มีการเรียกตัวคนขับรถยนต์ปอร์เช่มาสอบปากคำและยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เนื่องจากทางญาติผู้เสียชีวิตต้องการให้จัดงานศพเสร็จก่อน ส่วนเรื่องการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งในวันเกิดเหตุ ทางคนขับไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุแล้ว เหลือเพียงญาติคนขับเท่านั้นอยู่ที่เกิดเหตุแทน เพื่อรอประกันมาที่เกิดเหตุ จึงไม่ได้มีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่อย่างใด
หลังทางญาติได้เคลื่อนศพมาถึงวัดได้มีตัวแทนของ นางสาวพิชญา ลาภาธารกุล คนขับรถคันเกิดเหตุ ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ ขณะที่นางสาวพิชญา ลาภาธารกุล ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบประวัติ นางสาวพิชญา ลาภาธารกุล ทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ แบตเตอรี่ ชื่อดังของจังหวัดสงขลา.
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน