
ดีเอสไอลุยค้น 11 เป้าหมาย 5 จังหวัดทลาย แก๊งสแกมเมอร์ผิวสี จับผู้ต้องหา 7 ราย เป็นคนไทย 4 คน ที่เหลือเป็นชาวผิวสีไนจีเรียและแคเมอรูน
ดีเอสไอทลายแก๊งสแกมเมอร์ตุ๋นแหลกช่วงโควิดระบาดกวาดไป 2,000 ล้านบาท เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 29 พ.ค. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลอาญา ลงวันที่ 27 พ.ค.68 เข้าตรวจค้น 11 จุด 5 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ นครปฐม กระบี่ กาญจนบุรี และจันทบุรี จับกุมผู้ต้องหา 7 รายเป็นคนไทย 4 ราย ไนจีเรีย 2 ราย และแคเมอรูน 1 ราย ทั้งหมดเป็นเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ สร้างเว็บไซต์หลอกลวงให้ซื้อสินค้าและบริการที่ไม่มีอยู่จริงนับพันเว็บ มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000ล้านบาท
จุดสำคัญตรวจค้นโกดังเจ๊พิกุล อาคารเลขที่ 19/3 ซอยเพชรบุรี 13 แยก 1 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม. ลักษณะเป็นโกดังปลูกติดกัน สูง 2 ชั้น ชั้นบนเป็นสำนักงาน ชั้นล่างเป็นที่เก็บของ ขณะตรวจค้นประตูโกดังปิดอยู่ เมื่อพยายามเรียกให้เปิดแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ชุดปฏิบัติการงัดประตูเข้าไป พบชาวไนจีเรีย 2 รายหลบซ่อนตัวใต้บันได จึงควบคุมตัวสอบปากคำ โดย 1 ใน 2 ที่จับกุมได้คือนายลีวินุส มาสดูอบูซูดุ อาเคเอบูชิ อายุ 55 ปี ชาวไนจีเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 28 พ.ค.2568 ข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันฟอกเงินร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ช่วงโควิดระบาด ปี 63 มีแก๊งสแกมเมอร์ผิวสี มีภรรยาเป็นคนไทยหลอกลวงผู้เสียหายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเปิดบริษัทบังหน้าขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ และอื่นๆ ชักชวนผู้เสียหายนำเงินมาลงทุน อ้างว่าประกอบธุรกิจแต่รายได้ไม่สอดคล้องกับเงินหมุนเวียนจำนวนมาก มีการใช้บัญชีม้าโอนรับเงิน และปลายทางมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นคริปโตฯ มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท ผู้เสียหายประมาณ 30 รายจากหลายประเทศ โดยการตรวจค้นในวันนี้มีชาวเวียดนามซึ่งถูกหลอกลงทุนเสียหายกว่า 8 ล้านบาท มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ด้าน ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เผยว่า ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พร้อมประสานการทำงานหลายฝ่าย ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ร่วมตรวจสอบ ของกลางที่ยึดได้ มีทั้งรถยนต์ เงินสด และคริปโตฯ นอกจากนี้ ในคดีแพ่งจะนำทรัพย์สินส่ง ปปง. เฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป
มีรายงานว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นผู้แถลงรายละเอียดการจับกุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ค. เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน