1 เดือนแห่งความสูญเสีย จากเหตุการณ์สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่พังถล่มลงมา
ครบรอบ 1 เดือนแห่งความสูญเสียจากเหตุการณ์โครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ กว่า 30 ชั้น บนถนนกำแพงเพชร 2 กทม. พังถล่มลงมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ช่วงเวลาประมาณ 13.20 น. เป็นเหตุให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตรวมกว่า 100 ชีวิต
ปฏิบัติการ รื้อซากตึก 30 ชั้น
จากซากตึกสูง 30 ชั้น ได้รับการยืนยันจากทางกรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้เหลือความสูงโดยเฉลี่ยจากฐานเพียง 1.37 เมตรแล้ว ภายหลังปฏิบัติการรื้อซากและค้นหาผู้สูญหายตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน
โดยการปฏิบัติงานในแต่ละวันนั้น มีการใช้รถบรรทุกเฉลี่ยกว่า 300 เที่ยว ขนเศษซากอาคารออกจากจุดเกิดเหตุเฉลี่ยวันละ 10 ตัน โดยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ประชุมหารือเพื่อปรับแผนการใช้เครื่องมือกันตลอดทุกวัน
ชีวิต 103 คน ในตึก สตง.
เหตุการณ์ตึกถล่มที่เกิดขึ้นมีการสรุปตัวเลขผู้ประสบเหตุอย่างเป็นทางการ รวมทั้งสิ้น 103 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตแล้ว 63 ราย โดยพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลทั้งหมดแล้ว บาดเจ็บ 9 ราย และยังสูญหายอีก 31 ราย
โดยตลอดทั้ง 30 วันในการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย ไม่มีรายงานพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมที่ติดอยู่ในซากอาคารแม้แต่คนเดียว มีเพียงคืนวันแรก (28 มี.ค.) ที่ช่วยนำผู้บาดเจ็บหนักออกมาได้ แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า จะช่วยปฏิบัติการ รื้อซากอาคารตึกถล่มจนถึงอิฐก้อนสุดท้าย และนำร่างของผู้สูญหายออกมาครบทั้งหมด จึงจะยุติปฎิบัติการในภารกิจนี้
คืบหน้าสอบสวน หาคนรับผิดชอบ
ล่าสุด (28 เม.ย.) มีรายงานว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 24 ตู้ เบื้องต้นพบว่ามีเอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น แฟ้มส่งมอบงานตามงวดงานและรายงานความคืบหน้าการก่อสร้างประจำเดือน เตรียมใช้รถบรรทุก 1 คันส่งเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบและคัดแยกที่ DSI
โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุมตัว ชวนหลิง จาง กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จำกัด ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจซึ่งต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ หรือต้องได้รับอนุญาตก่อน และเป็นนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และดำเนินการติดตาม 3 คนไทยที่ถือหุ้นในบริษัทอยู่ ส่อเข้าข่ายการเป็นนอมินี รวมถึงการฮั้วประมูลด้วย
ด้านกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และทีมสุดซอย เดินหน้าตรวจสอบคุณภาพ “เหล็ก” จากบริษัท ซิน เคอ หยวน เบื้องต้นจากการทดสอบของสถาบันเหล็กฯ พบว่า มีเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวนหนึ่ง แม้ในภายหลังทางบริษัทฯ จะส่งทีมกฎหมายมาแถลงข่าวโต้ตอบในประเด็นดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาอย่างกระจ่างต่อความสงสัยของสังคม
เดินหน้าเยียวยา เหยื่อ “ตึกถล่ม”
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าได้จ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่มไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 38 ล้านบาท โดยลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ กรณีบาดเจ็บได้จ่ายเงินรักษาตามความจริงไม่เกิน 65,000 บาท หรือบาดเจ็บรุนแรงจ่ายไม่เกิน 1 ล้านบาท หากสูญเสียอวัยวะหรือ เสียสมรรถภาพในการทำงานจะมีการจ่ายเงินชดเชยร้อยละ 70 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกินเดือนละ 14,000 บาท รวมถึงค่าทำศพของผู้เสียชีวิตรายละ 50,000 บาท
ล่าสุดก็มีตัวแทนผู้เสียหายจากตึกถล่ม ที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เสียชีวิต, กลุ่มผู้สูญหาย และกลุ่มผู้บาดเจ็บ เข้ายื่นหนังสือต่อสภาทนายความ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยทางสภาทนายความจะให้การช่วยเหลือให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังมีมูลนิธิ ภาคเอกชน และภาคประชาชนหลายฝ่าย ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเยียวยาญาติของผู้สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน