เหตุสลดคุกคลองเปรม ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล วัย 43 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ก่อเหตุสลดใช้ผ้าขนหนูผูกคอดับอนาถในห้องขังแยก
เรือนจำกลางคลองเปรม รมว.ยุติธรรม รุดตรวจสอบ เผยผู้กำกับโจ้ใช้ผ้าขนหนูผูกคอกับลูกกรง เสียชีวิตในท่านั่งขาเหยียดตรง แต่จะเป็นผูกก่อนตายหรือตายก่อนผูกต้องรอผลตรวจพิสูจน์ ย้ำยังไม่ตัดประเด็นถูกผู้อื่นทำให้ตาย ขณะที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงผู้กำกับโจ้ขอแยกห้องขัง 2 เดือน เพราะกลัวถูกทำร้าย พบผูกคอช่วงเวลานอน จนเมื่อเจ้าหน้าที่เวรฯนำยาไปให้เห็นนั่งพิงประตู พยายามเรียกแล้วไม่ยอมตอบ ก่อนแจ้งพัศดีเวรฯกับพยาบาลเวรฯมาเปิดห้องพบว่าเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ญาติติดใจสาเหตุการตายเพราะก่อนหน้านี้เคยถูกนักโทษและผู้คุมกลั่นแกล้งทำร้ายร่างกาย จนต้องไปแจ้งความตำรวจท้องที่ รวมทั้งทำหนังสือร้องเรียนกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาแล้ว
“ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ” ก่อเหตุสลด ใช้ผ้าขนหนูผูกคอดับอนาถ ในห้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 7 มี.ค. พ.ต.ท.ณัฐพล รัตน์สุภาพงศ์ สว. (สอบสวน) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุนักโทษชายอดีตนายตำรวจ นักโทษชาย (ข.ช.) พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อายุ 43 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ ผูกคอตายภายในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ช่วง 2 ทุ่มวันเดียวกัน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในเรือนจำ ก่อนแจ้งข่าวให้ภรรยาผู้เสียชีวิตทราบ มีรายงานว่า ศพผู้เสียชีวิตน่าจะถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อช่วยเหลือชีวิตหลังมีผู้เห็นเหตุการณ์ ขณะที่ พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น กล่าวว่า ศพผู้กำกับโจ้ยังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 09.00 น. ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย อัยการ เจ้าหน้าที่กองพิ
ราชทัณฑ์แถลง ผกก.โจ้ผูกคอคาห้องขัง
ต่อมาวันที่ 8 มี.ค. กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางคลองเปรมว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลาประมาณ 20.50 น. เจ้าพนักงานเรือนจำปฏิบัติหน้าที่เวร พยาบาลได้แจ้งเหตุผู้ต้องขังเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ ข.ช.ธิติสรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ อุทธนผล คดีความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อชีวิต ความผิด ต่อเสรีภาพ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต นับตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 2564 ตามหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ต้องจำมาแล้วในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือน 13 วัน รับตัวผู้ต้องขังเข้าคุมขังเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 ปัจจุบันถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุม แดน 5 เรือนจำฯ เหตุสลดคุกคลองเปรม
ป่วยหลายโรคต้องกินยา
ตรวจสอบประวัติการรักษาพบว่า ข.ช.ธิติสรรค์ มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น (Essential tremor) มีไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล (Anxiety disorder) ได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง พบจิตแพทย์ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีนัดพบจิตแพทย์ในเดือน เม.ย. ขณะควบคุมในเรือนจำฯ ผู้ต้องขังมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เรือนจำฯได้รับคำร้องของผู้ต้องขังและพิจารณาอนุญาตให้แยกการควบคุมจากผู้ต้องขังอื่น แต่ยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในเรือนจำได้เป็นปกติ เหตุสลดคุกคลองเปรม
ภรรยาเข้าเยี่ยมตอนเที่ยงก่อนเกิดเหตุ
ต่อมาเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 7 มี.ค. ภรรยา ข.ช.ธิติสรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ เข้าเยี่ยม เจ้าพนักงานเรือนจำยังไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อเวลา 20.25 น. เจ้าพนักงานเวรรักษาการณ์กำลังเดินไปจ่ายยาประจำตัวให้กับ ข.ช.ธิติสรรค์ พบว่านั่งหลังพิงกับประตูห้องขัง เจ้าหน้าที่พยายามเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงรีบแจ้งพัศดีเวรฯ กับพยาบาลเวรฯ มาเปิดห้องขังเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามหลักวิชาชีพ แต่พบว่าผู้ต้องขังใช้ผ้าขนหนูขนาดเล็กผูกคอกับประตูห้องขัง มีอาการไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก ไม่รู้สึกตัว ปลายนิ้วมือซีดเขียวคล้ำ ไม่พบชีพจรบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ทั้งนี้ เรือนจำฯตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าทางเดินของห้องผู้ต้องขังดังกล่าว ไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกห้องแต่อย่างใด ก่อนจะแจ้งพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ แพทย์ เจ้าพนักงานปกครอง เพื่อดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมทั้งจะเชิญญาติเพื่อรับทราบต่อไป เหตุสลดคุกคลองเปรม
รอผลตรวจศพตั้งกรรมการสอบ
กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งขอยืนยันว่า ไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำหรือผู้ต้องขังรายใดทำร้าย ข.ช.ธิติสรรค์ และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ต้องขัง ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ปรากฏโดยทันที เรือนจำฯ ขอเรียนว่าได้ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) การปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อกำหนดแมนเดลา) เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ต้องขังทุกคน เหตุสลดคุกคลองเปรม
รมว.ยุติธรรม รุดตรวจที่เกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 09.45 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางมาสอบสวนการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ ว่ากรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ เรื่องนี้เพิ่งได้รับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์เมื่อช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืน (วันที่ 7 มี.ค.) ที่ผ่านมาว่า ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตภายในเรือนจำ ด้วยการผูกคอตายกับลูกกรงภายในห้องขังแยก ยังไม่ทราบว่าใช้เสื้อตัวเองหรือผ้าขนหนู สำหรับเหตุผลที่ต้องแยกตัวมาขังเดี่ยว เนื่องจากได้รับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า ผู้กำกับโจ้ มีภาวะหวาดระแวง ทำร้ายตัวเองและเป็นผู้ป่วยจิตเวช ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ จนกระทั่งถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึงมีญาติไปแจ้งความให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวถึง 2 ครั้ง แต่เรือนจำไม่ให้พนักงานสอบสวนมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ อีกทั้งญาติยังมีการส่งเอกสารร้องเรียนเรื่องการถูกทำร้ายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ตรงนี้ยังไม่ทราบยังไม่เห็นรายละเอียด แต่จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อให้ปรากฏต่อสังคม จากนั้น พ.ต.อ.ทวี พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของกระทรวงยุติธรรม เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในเรือนจำฯ และสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้น เหตุสลดคุกคลองเปรม
ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายในท่านั่ง
กระทั่งเวลา 11.30 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเผด็จ หริ่งรอด ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รรท.ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ โดย พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ เหตุสลดคุกคลองเปรม
ผู้เสียชีวิต วันนี้มีหน่วยงานทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง หมอ และพนักงานสอบสวน รวมถึงครอบครัวที่มี แม่ ภรรยา และน้องสาว เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ เบื้องต้นรับรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอ ใช้ผ้าขนหนูความยาว 30-40 ซม. ผูกกับลูกกรงประตู ซึ่งผ้าอยู่ในระดับหน้าอก สภาพตายด้วยท่านั่งหย่อนก้น เหยียดขาตรง เรามีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพทางเดินที่ทำให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดเข้าออกในห้องขังของผู้กำกับโจ้ มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่นำยาเข้าไปให้ตามเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตลงแล้ว ส่วนจะเป็นการเสียชีวิตก่อนผูกคอ หรือผูกคอก่อนเสียชีวิตนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่ตัดประเด็นเรื่องถูกผู้อื่นทำให้ตาย
พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า เราจะยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ผู้อื่นทำให้ตาย สำหรับเรื่องของการชันสูตรพลิกศพรวมไปถึงการวินิจฉัย ให้เป็นความเห็นของทางแพทย์ ทั้งนี้ครอบครัวผู้กำกับโจ้ อยากให้นำศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อรอพิสูจน์ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งศพคืนให้กับญาติที่ยังติดใจในเรื่องของการเสียชีวิตครั้งนี้ แล้วจะเก็บศพไว้จนกว่าจะพิสูจน์ความจริงได้เป็นสิทธิของญาติ คณะทำงานจะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยคณะกรรมการจะมีการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งในส่วนเรื่อง DNA บนผ้า รวมถึงบนวัตถุพยานทุกอย่าง สำหรับกรณีที่มีการแจ้งความในเรื่องของการถูกทำร้ายร่างกายของผู้กำกับโจ้ ภายในเรือนจำเมื่อเดือน ม.ค. มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยตัวผู้กำกับโจ้อ้างว่าถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย เรือนจำได้มีการตั้งคณะกรรมการภายในตรวจสอบแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ทำร้าย เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีข้อสรุป ขอเวลาในการพิสูจน์ก่อน ส่วนเรื่องที่ สน.ประชาชื่น มีการแจ้งความจากญาติ ยืนยันว่าตำรวจมีการสอบไปแล้ว ส่วนผลรายละเอียดจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง เหตุสลดคุกคลองเปรม
ผู้กำกับโจ้ขอแยกห้องขังเดี่ยวเอง
ด้านนายสหการณ์กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขังอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าภายในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดบันทึกทุกจุด ยกเว้นภายในห้องนอนที่ถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่เราต้องดูแล สำหรับมาตรการของต้องห้ามที่จะนำ ไปสู่การก่อเหตุ มีความเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผ้าที่ผู้เสียชีวิตใช้ก่อเหตุเป็นการอนุโลมของเรือนจำให้กับผู้ต้องขังทุกคน เนื่องจากช่วงนี้มีอากาศร้อนจึงให้ไว้ซับเหงื่อ ขณะที่ผู้กำกับโจ้ก่อเหตุเป็นช่วงเวลานอน อยู่เพียงคนเดียวในห้องปิดทึบ ทำให้ไม่มีใครเห็น ส่วนเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยว เพราะวิตกกังวลกลัวคนทำร้าย และเป็นการทำให้ตัวผู้ต้องขังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า กรม ราชทัณฑ์มีมาตรการดูแลผู้ป่วยโดยการให้ยาตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ ก่อนหน้านี้ได้มีการประเมินไว้แล้ว ไม่พบว่าตัวผู้กำกับโจ้จะก่อเหตุดังกล่าว เหตุสลดคุกคลองเปรม
ทะเลาะเพื่อนร่วมห้องจนต้องแยก
ขณะที่นายเผด็จกล่าวว่า ผู้กำกับโจ้มีการทำเรื่องขอไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะแยกขังเดี่ยวมาเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่มีปัญหาเกิดปากเสียงกับเพื่อนร่วมห้องขัง โดยถูกย้ายจากแดน 7 ไปแดน 5 ส่วนการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเรือนจำแล้ว ส่วนที่ญาติผู้กำกับโจ้ ไปแจ้งความอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย โดยนำเอกสารจากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ที่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ว่า มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านซ้าย แพทย์ให้ความเห็นเป็นการถูกของแข็งไม่มีคม แต่จะเกิดจากการกระทำของเพื่อนร่วมห้องขัง หรือผู้คุมนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในส่วนนี้เป็นสิทธิของญาติที่สามารถไปแจ้งความได้ ส่วนนี้ต้องรอพนักงานสอบสวนพิสูจน์ ในส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องการทำร้ายร่างกายของผู้กำกับโจ้ จะทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ลักษณะเป็นการฮั้วกันหรือไม่นั้น ยืนยันว่าตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบแต่ผลยังไม่ออก ที่ผ่านมาผู้กำกับโจ้ไม่ได้ป่วยจิตเวช เพราะมาตรการของเรือนจำหากพบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับผู้กำกับโจ้เป็นเพียงการรักษาตามอาการกังวลและเครียดเท่านั้น
โจ้ส่งทนายแจ้งความถูกทำร้าย
เวลา 11.30 น.วันเดียวกัน นายวีรศักดิ์ นาคิน อายุ 39 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี ผู้รับมอบอำนาจจาก นายธิติสรรค์ อุทธนผล (ผกก.โจ้) อายุ 43 ปี ให้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ณัฐพล รัตน์สุภาพงศ์ สว. (สอบสวน) สน.ประชาชื่น เมื่อเวลา 12.17 น. วันที่ 14 ม.ค.68 ให้ดำเนินคดีกับนายสิทธิพร (สงวนนามสกุล) ผู้คุมทำร้ายร่างกายนายธิติสรรค์ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ม.ค.68 นายวีรศักดิ์ให้การว่า ทราบจาก น.ส.สิภชา แก่นสุวรรณ แฟนของนายธิติสรรค์ว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค.68 เวลากลางวัน น.ส.สิภชาไปเข้าเยี่ยม จนทราบว่านายธิติสรรค์ถูกนายสิทธิพร เป็นผู้คุมฯด่าทอและใช้ความรุนแรง มีการทำร้ายร่างกายด้วยการชกต่อย จนได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำขนาดใหญ่ที่ทรวงอก การกระทำดังกล่าว เป็นเหตุให้นายธิติสรรค์ได้รับความเสียหาย ก่อนมอบอำนาจให้ผู้กล่าวหามาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ต่อมาเวลา 13.10 น. ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมได้นำร่างของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ไปชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ขณะที่ญาติเดินทางออกมาจากภายในเรือนจำ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่ได้ให้นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของผู้กำกับโจ้ เป็นผู้ชี้แจงกับสื่อมวลชน โดยนายวีรศักดิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้กำกับโจ้ฝากขอโทษพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีการคลุมถุงดำ วันนี้ครอบครัว ของผู้กำกับโจ้เสียใจและยังติดใจกับสาเหตุและแรงจูงใจการเสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ญาติได้มอบหมายให้ตนไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น เรื่องผู้กำกับโจ้ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำทำร้ายร่างกาย ในเอกสารระบุชื่อผู้คุมที่เป็นคู่กรณีไว้ ต่อมาจึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้กำกับโจ้ตามระเบียบ โดยแจ้งว่าผู้กำกับโจ้ขัดขืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ จนทำให้มีการย้ายแดนขังและห้องขังแยก เป็นไปตามคำสั่งของ ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างว่าผู้กำกับโจ้เต็มใจขอแยกห้องขังเดี่ยว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจาก ตนไม่เห็นเอกสารลงชื่อยินยอม
เชื่อไม่ฆ่าตัวตายวางอนาคตหลังพ้นโทษ
การแจ้งความมีครั้งเดียว แต่ครอบครัวมีไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับอีกหลายหน่วยงาน ส่วนกรณีที่มีรายงานเรื่องรอยฟกช้ำตามร่างกายของผู้กำกับโจ้ ตนรับทราบใบความเห็นของแพทย์แล้ว ส่วนที่ระบุว่าผู้กำกับโจ้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากมีการเข้าเยี่ยมมาเป็นเวลานาน ไม่มีการพูดถึง เรื่องนี้ ล่าสุดเมื่อวานนี้ญาติเข้าเยี่ยม ยังพบว่ามีอาการปกติ ยังมีการพูดคุยถึงการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ เนื่องจากในศาลชั้นต้นสั่งจำคุกตลอดชีวิต รวมทั้งยังพูดถึงการใช้ชีวิตในอนาคตหลังออกจากเรือนจำ ที่ผ่านมาตนได้เข้าเยี่ยมมาโดยตลอด หลังจากมารับช่วงต่อเป็นทนายเมื่อปี 66 พบว่าผู้กำกับโจ้ไม่ได้มีความเครียดหรือกังวลที่จะนำไปสู่การทำร้ายตัวเอง เพราะคดีเรื่องคลุมถุงดำถูกพิพากษาไปแล้ว คดีอยู่ชั้นอุทธรณ์ แต่ส่วนคดีที่อยู่ ป.ป.ช. ขั้นตอนนี้ระงับ การสอบสวนชั่วคราว ทำให้ไม่มีแรงจูงใจที่จะทำให้ฆ่าตัวตาย ส่วนมูลเหตุเชื่อว่าอาจจะถูกบีบให้ยินยอมเรื่องการสอบวินัย หลังจากที่ไปแจ้งความ
จดหมายแม่ ผกก.โจ้ร้องเรียนผู้คุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ มีการเผยแพร่หนังสือร้องเรียน ที่เขียนโดย น.ส.จันทร อุทธนผล แม่ผู้กำกับโจ้ ส่งถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 ให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายสิทธิพร (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ควบคุมฯ เรือนจำกลางคลองเปรม มีการกระทำส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัย และสิทธิขั้นพื้นฐานของนักโทษอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังบรรยายรายละเอียดถึงพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา ช่วงแรกคือเหตุการณ์ประมาณเดือน ต.ค.ถึง ธ.ค.2567 เหตุการณ์เริ่มต้นจากมีนายสุรเชษ (สงวนนามสกุล) นักโทษชาย พูดใส่ร้ายผู้กำกับโจ้ ทำให้ผู้คุมหลายคนมีทัศนคติที่ไม่ดี อีกทั้ง นายสุรเชษยังขู่จะทำร้ายร่างกายหลายครั้ง สาเหตุเป็นเพราะผู้กำกับโจ้เคยขอร้องให้ไปสูบบุหรี่ไกลจากพื้นที่ห้องนอน เนื่องจากมีปัญหาในระบบหายใจ
ถูกกลั่นแกล้งจนสุขภาพทรุด
แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นายสิทธิพร เริ่มมีพฤติกรรมกลั่นแกล้งผู้กำกับโจ้ เรียกเข้าไปด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงภายในห้องส่วนตัว รื้อค้นสิ่งของส่วนตัว พยายามจะตั้งเรื่องเอาผิด นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์การกลั่นแกล้งอีก เช่น ยึดเอกสารสำคัญทางคดีของผู้กำกับโจ้ ที่จำเป็นต้องใช้เป็นข้อมูลในการขึ้นศาล อ้างว่านักโทษไม่สามารถเก็บไว้ได้ ต้องนำออกไปจากเรือนจำ แต่ผู้กำกับโจ้แจ้งว่าตาม พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ ระบุว่า นักโทษสามารถเก็บรักษาเอกสารทางคดีไว้กับตัวเองได้ สร้างความไม่พอใจให้กับนายสิทธิพร ถึงขั้นด่าทออย่างรุนแรง ต่อมายังเข้ายึดพัดลมที่ผู้กำกับโจ้ขออนุญาตนำเข้ามาอย่างถูกต้อง เพราะเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติ แพทย์ระบุให้หลีกเลี่ยงอากาศร้อน ให้ใช้พัดลมป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ จากนั้นยังพยายามจะยึดแว่นตาดำ ทั้งที่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันถึงความจำเป็นในการใช้งาน เนื่องจากเคยเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตาขณะรับโทษในเรือนจำ ทำให้ดวงตาไม่สามารถรับแสงได้ เหตุการณ์ทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้กำกับโจ้ จนทำให้สุขภาพทรุดหนัก มีอาการตัวสั่น โรคหัวใจกำเริบ ต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล จนแพทย์ต้องปรับยารักษาให้แรงมากขึ้น ช่วงที่สองเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2568 เมื่อผู้กำกับโจ้เห็นนายสุรเชษ เล่นเกมและดูสื่ออนาจาร ผิดระเบียบของเรือนจำ จึงพูดว่าการกระทำนี้มีความผิด แต่กลับถูกนายสิทธิพรด่าทอ ทำร้ายร่างกายด้วยการผลักและต่อย จนเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่บนร่างกาย ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.2568 นายสิทธิพรตั้งข้อกล่าวหาว่าผู้กำกับโจ้ มีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่อง พร้อมให้นักโทษในความดูแลของตัวเองเป็นพยานยืนยัน จนต้องถูกย้ายไปยังแดน 5
ให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้คุมคู่กรณี
แม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ระบุเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่กล่าวมาในจดหมายเป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ ยังทราบว่านายสิทธิพร มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งกดดันนักโทษคนอื่นด้วย จึงขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมอย่างละเอียด รวมทั้งดำเนินการทางวินัย หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงขอให้มีการนำตัวผู้กำกับโจ้ออกจากการคุมขังพิเศษที่แดน 5 โดยเร็ว รวมทั้งขอให้แยกนายสิทธิพร ออกจากพื้นที่ใกล้ชิดกับผู้กำกับโจ้ เพราะกังวลว่าจะส่งผลต่อความปลอดภัย และขอให้ได้รับการคุมขังในพื้นที่ปลอดภัย ต้องเป็นแดนที่ไม่เสี่ยงอันตราย จากการถูกกลั่นแกล้ง ครอบครัวรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่าง มากจากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ควบคุมคนดังกล่าว ที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของผู้กำกับโจ้ และเกรงว่าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ท้ายเอกสารยังได้มีการแนบใบรับรองแพทย์จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระบุผลการตรวจร่างกายของผู้กำกับโจ้ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2568 ว่า ได้รับบาดเจ็บบริเวณชายโครงซ้าย จากการกระแทกของแข็งไม่มีคม และพบแผลฟกช้ำเป็นวงเรียงต่อกันเป็นแนว ใต้ราวนมซ้าย นอกจากนี้ ยังมีเอกสารที่ทนายความ ไปแจ้งความเรื่องถูกทำร้ายร่างกายไว้ที่ สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2568 ด้วย
พ่อเหยื่อถุงดำอโหสิกรรมให้
ด้าน ร.ต.จักรกฤษณ์ กลั่นดี อายุ 63 ปี อดีต ทหารอากาศนอกราชการ พ่อของนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี เหยื่อที่ถูกอดีต ผกก.โจ้ คลุมถุงดำจนเสียชีวิตเมื่อปี 64 บ้านอยู่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ นำภาพถ่ายของลูกชายออกมาจากบ้านพร้อมเปิดเผยความรู้สึกหลังทราบข่าวอดีต ผกก.โจ้เสียชีวิตในเรือนจำว่า ขออโหสิกรรมให้กับคู่กรณี ถือว่าได้ชดใช้กรรมซึ่งกันและกัน ส่วนตัวก็อโหสิกรรมให้อดีต ผกก.โจ้ ไม่ติดค้างกันอีกต่อไป ส่วนเรื่องของคดีหากจะจบตรงนี้ก็ยอมรับได้เพราะคู่กรณีเสียชีวิต แต่จากกระแสข่าวเรื่องการผูกคอตายตนก็ยังไม่มั่นใจและไม่คิดว่าอดีต ผกก.โจ้จะกระทำตัวเอง เพราะมีข่าวมาหลายกระแส และอดีต ผกก.โจ้ก็มีโรคประจําตัวด้วย
ย้อนคดีผู้กำกับโจ้คลุมถุงดำ
สำหรับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมือง นครสวรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ ถูกดำเนินคดีร่วมกับ พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รอง สวป.สภ.เมือง นครสวรรค์, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รอง สว. (ป) สภ.เมืองนครสวรรค์, ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น ผบ.หมู่ (ป) สภ.เมืองนครสวรรค์, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว รอง ผบ.หมู่ (ป) สภ.เมืองนครสวรรค์ และ ส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผบ.หมู่ (ป) สภ.ตาคลี ทั้งหมดถูกตั้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดจับกุมนายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี กับภรรยา พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด จากนั้นนำตัวมาสอบสวนขยายผล ที่ห้องฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ก่อนจะมีการเรียกรับเงิน 2 ล้านบาท ผู้ต้องหาขอต่อรองเหลือ 1 ล้านบาท แต่ตำรวจชุดจับกุมไม่ยอมใช้ถุงดำคลุมหัวนายมาวิน จนเสียชีวิต แล้วนำส่งโรงพยาบาลระบุสาเหตุเกิดจากพิษสารแอมเฟตามีน เรื่องทำท่าจะเงียบ ต่อมาปรากฏคลิปวิดีโอการทำร้ายร่างกายนายมาวินเกิดขึ้น จนนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว ต่อมาศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินประหารชีวิต ผกก.โจ้ ก่อนลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตดังกล่าว
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน