ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตึกฟ้าปอยเปต ช่วยพ้นขุมนรก 227 ราย เป็นคนสัญชาติไทย 125

ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ไทย-กัมพูชา เปิดปฏิบัติการกวาดล้าง ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจเรตำรวจไปประสานความร่วมมือด้วยตัวเอง นำไปสู่การบุกจับแก๊งคอลฯ

ตึกใหญ่ใน compound พลาซา กลางปอยเปต ตรงข้ามด่านคลองลึก ตลาดโรงเกลือ มีบอสจีนเช่าทำธุรกิจพนันออนไลน์และหลอกลวงออนไลน์ ช่วยคนออกมาได้กว่า 200 ชีวิต เป็นคนไทยกว่าครึ่ง รอสอบประวัติก่อนส่งกลับไทย โดยมีตร.ภ.2 พร้อมรับคัดกรองค้ามนุษย์ ส่วนที่เมืองเมียวดี เมียนมา ยังไม่จบ หลังเหยื่อชาวต่างชาติที่ช่วยออกมาได้ตกค้างนับพันคน

ความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ที่ทางการเมียนมาร่วมกับกองกำลังกะเหรี่ยงที่ดูแลพื้นที่ ทั้ง BGF และ DKBA สามารถกวาดจับผู้ร่วมขบวนการและช่วยเหลือเหยื่อออกมาได้เป็น จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน โดยทางการจีนนำเครื่องบินมารับพลเมืองของตัวเองกลับประเทศกลุ่มสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ค่อนข้างเงียบเหงา หลังมีการส่งเหยื่อชาวต่างชาติ จำนวน 621 คน จากฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง เมียนมา มายังไทย เพื่อนำขึ้นเครื่องบินที่ทางการจีนมารับที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด เป็นเวลา 3 วัน 16 เที่ยวบิน สิ้นสุดลงตามข้อตกลง 3 ฝ่าย ไทย เมียนมา และจีน ขณะที่ยังมีเหยื่อเป็นชาวต่างชาติในฝั่งเมียวดีอยู่ในพื้นที่ BGF อีกหลายแห่ง ทั้งหมดกว่า 2,000 คน และในพื้นที่กะเหรี่ยง DKBA อีก 405 คนส่วนในเมืองชเวโก๊กโก่ตรงข้ามบ้านวังแก้ว ตำบลแม่ปะ อ.แม่สอด ก็มีความเคลื่อนไหว ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อตามไซต์ก่อสร้างอาคารสูงหลายแห่งยังมีการก่อสร้างอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางเสียงเครื่องปั่นไฟฟ้าที่ยังดังอยู่

ขณะเดียวกันที่ จ.สระแก้ว ที่มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา ทางการไทยก็เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง เมื่อตำรวจไทยประสานงานขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา ช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่บนตึกสีฟ้าในพื้นที่เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย หลังมีเหยื่อแอบส่งข้อความและคลิปวิดีโอมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งมีรายงานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.ถึงผลการปฏิบัติการว่า สามารถเข้าควบคุมตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ทั้งหมด 227 คน เป็นคนไทย 125 คน แบ่งเป็นหญิง 60 คน ชาย 65 คน ชาวอินโดนีเซีย 3 คน ชาวอินเดีย 48 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย45 คน และปากีสถาน 51 คน เป็นหญิง 6 คน ชาย 45 คน

หลังจากนี้ ทางการกัมพูชาจะตรวจสอบประวัติและคัดกรองบุคคลทั้งหมดก่อนส่งตัวให้ไทย ผ่านช่องทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก บนพื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ภายใน 1-2 วันนี้ โดยมี พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พร้อม พ.ต.อ.ไกเขต บุรีรักษ์ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว ร่วมรับตัว แล้วส่งไปยังศูนย์คัดกรองจังหวัดสระแก้ว เพื่อคัดกรองการเข้า-ออก ว่าแต่ละคนมีการเข้า-ออกแบบไหน ถูกหลอกมาเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือสมัครใจไปทำงาน ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อคัดกรองแล้ว ถ้าพบว่าตั้งใจหรือสมัครใจที่จะกระทำผิด จะส่งดำเนิน คดีตามกฎหมาย ส่วนคนที่ถูกหลอกมา เจ้าหน้าที่จะส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป

ต่อมา พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 เปิดเผยถึงกรณีทางการกัมพูชาควบคุมตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งฐานในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้กว่า 200 คน และเตรียมส่งตัวให้ไทยเพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ ทางชายแดนด้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าภายหลัง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.บช.ภ. 2 เดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานในฝั่งปอยเปต และทางการกัมพูชาได้ดำเนินการควบคุมตัวขบวนการคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 200 คน ในจำนวนนี้มีคนไทยกว่า 100 คน ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 จะดำเนินการใน 2 ส่วน คือ การสอบสวนเพื่อคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการประสานข้อมูลการสืบสวนข้อมูลขบวนการคอลเซ็นเตอร์กับตำรวจกัมพูชา ขณะนี้ทราบว่าทางการกัมพูชากำลังคัดกรองตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาและจะส่งตัวมายังประเทศไทย

สำหรับการกวาดล้างจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปตครั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากที่ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประชุมวางแผนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ให้การช่วยเหลือ 2 คนไทย เป็นชายและหญิง ที่อ้างว่าหลบหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต โดยหญิงสาวคนดังกล่าว เมื่อตรวจสอบพบว่า คือ น.ส.วรารัตน์ หรือแบม อยู่สาโก อายุ 22 ปี ที่นางสาวสมหวัง อยู่สาโก อายุ 71 ปี ผู้เป็นยาย ภูมิลำเนา บ.บัวตะเคียน ต.ตาเป๊กอ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เคยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่าติดต่อหลานสาวไม่ได้ หลังจากหลานถูกคนรู้จักชักชวนไปทำงานที่กัมพูชา ซึ่งต่อมาพบว่า น.ส.วรารัตน์แอบวิดีโอคอลจากประเทศกัมพูชา ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้หาเงินจำนวน 700 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 30,000 บาทไทย เพื่อไถ่ตัว หลังถูกหลอกมาทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา ซึ่งตำรวจสืบสวนจนได้ข้อมูลพิกัดที่ส่งมาให้เป็นอาคารแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และเปิดเผยว่า ตร.คลองลึกได้ช่วย น.ส.วรารัตน์ไว้จริง โดย น.ส.วรารัตน์เล่าว่าถูก น.ส.เกสรา จันทา คนตำบลเดียวกัน ชวนให้ไปทำงานเกี่ยวกับบ่อนที่ปอยเปต ได้เงินเดือน 28,000 บาท จึงตัดสินใจไปคนเดียวมีรถแท็กซี่มารับถึงบ้าน จากนั้นมีคนมารับต่อข้ามไปฝั่งกัมพูชา เมื่อไปถึงที่ทำงานเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ มีตึกหลายคูหา และไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับบ่อน แต่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีบอสใหญ่เป็นชาวจีน ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีคนจากหลายประเทศทำงานกว่า 1,000 คน ตอนแรกถูกเรียกให้ไปทำงานหลอกชายให้หลงหรือขายบริการ แต่ทำไม่ได้ จึงถูกเปลี่ยนให้ทำงานอื่นอีกหลายอย่าง รวมถึงเป็นคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยด้วยกัน แต่ทำไม่ได้ คนในแก๊งจึงบังคับให้ข้ามมาไทยเพื่อเปิดบัญชีม้า ถ้าไม่ไปจะส่งขายต่อ จึงยอมมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง และขณะที่รอคนมารับที่ร้านสะดวกซื้อ ก็ได้วิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือที่สถานีตำรวจ พร้อมยอมรับว่าเข็ดแล้วจะไม่ขอไปทำงานในที่แบบนี้อีก เพราะมีทั้งกระบอกไฟฟ้าและขู่ทำร้าย ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าทุ่มทุกวัน

ส่วนที่ จ.ตาก ช่วงเย็น พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยทหารราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้รับแจ้งจากทหารประจำอยู่บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมกับ ตม.แม่สอด ตำรวจท่องเที่ยวตาก สามารถสกัดกลุ่มบุคคล 19 คน เป็นชายชาวจีน 16 คน ชาวเคนยา 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน และหญิงอูกานดา 1 คน ที่ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิมาลงที่สนามบินนานาชาติแม่สอด แต่ทั้งหมดไม่สามารถตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ ณ จุดคัดกรอง ตามคำสั่งการของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จ.ตาก ที่ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ชายแดน เพื่อลดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา จ.เมียวดี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่าชาวเคนยา 2 รายดังกล่าว เคยเดินทางด้วยรถยนต์ ผ่านด่านจุดตรวจความมั่นคง ด่านห้วยหินฝน ม.7 บ้านห้วยหินฝน อ.แม่สอด จ.ตาก บนถนนสายตาก-แม่สอด มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 19 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.แม่สอด เพื่อผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน