
ล่าไอ้แบงค์หัวโจก ศาลอนุมัติหมายจับ 6 ผู้ต้องหาคดีบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางในท่าเรือคลองเตย ทุกข้อหาล้วนฉกรรจ์เนื่องจากพฤติกรรมอุกอาจ ตั้งแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์ไปจนถึงขับรถทับ จนท.รปภ.เสียชีวิต
กรณีแก๊งโจรเหิมบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่กรมศุลกากรยึดไว้ดำเนินคดีภายในการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย พฤติกรรมอุกอาจตะลุยงัดตู้คอนเทนเนอร์ 5 ตู้ นำบุหรี่ไฟฟ้าของกลางขึ้นรถตู้ขับหนีออกนอกพื้นที่ แต่นายบุญนาค สวัสสุข อายุ 58 ปี รปภ.ท่าเรือคลองเตยขี่รถ จยย.ตรวจมาพบไล่ตามทันถูกคนร้ายขับรถตู้ชนล้มหลังถอยมาทับจนเสียชีวิต ต่อมาชุดสืบสวนนครบาลติดตามคุมตัวนายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก อายุ 46 ปี 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ และตามไปยึดรถตู้ และบุหรี่ไฟฟ้าประมาณ 1 พันชิ้น จากนายดิศรณ์ หรือเจ ยังคงวิรัชพร อายุ 41 ปี ย่านพระราม 3 มาสอบสวนดำเนินคดีข้อหารับของโจรตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าไอ้แบงค์หัวโจก
ความคืบหน้าจาก สน.ท่าเรือ เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 2 มิ.ย. พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ นำตัวนายดิศรณ์ หรือเจ ยังคงวิรัชพร อายุ 41 ปีผู้ต้องหาคดีรับของโจรส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พร้อมคัดค้านประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี ระหว่างถูกคุมตัวขึ้นรถนายดิศรณ์โวยวายว่า ตนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ผิด อยากขอความเป็นธรรม ตนรู้จักแค่นายจี 1 ใน 6 ผู้ก่อเหตุตั้งแต่ยังเด็ก คืนนั้นนายจีและพวกอีก 2 คน นำบุหรี่ไฟฟ้า 2 กล่องมาฝากไว้ หลังจากนั้นยังตะโกนด้วยความอัดอั้นว่า ถ้าหากเจอที่ไหนตายแน่ เพราะทำให้ต้องมาติดคุกแบบนี้ อยากประกันตัวแต่ไม่มีเงิน รู้สึกเสียใจที่ถูกเพื่อนทำแบบนี้ อยากให้มามอบตัวติดคุกแทนตน เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองเป็นแพะรับบาป
ต่อมาเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ นำกำลังลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุร่วมกันปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากร หลังศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับรวม 6 คน 1.นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 564/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 ทำหน้าที่ชักชวนคนมาลงมือ ขับรถตู้ และอยู่ระหว่างหลบหนี 2.นายภียกร หรือคิง ธิติปุญญวัชร์ อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 565/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 ติดต่อมอบตัวแล้วที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อยู่ระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.ท่าเรือ ล่าไอ้แบงค์หัวโจก
3.นายเอกชัย หรือเอก สมใจ อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 566/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 จับกุมตัวแล้ว 4.นายธนทร หรือจี ก้อนนาค อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 567/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 ติดต่อขอมอบตัวที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อยู่ระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.ท่าเรือ 5.นายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 568/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 จับกุมแล้ว และ 6.นายสุวัฒน์ หรือเล็ก พ่วงยาม อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 569/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 จับกุมแล้ว ล่าไอ้แบงค์หัวโจก
ข้อหาของ 6 คนแตกต่างกัน ดังนี้ นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ ข้อหาฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทําไว้ ข้อหาปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทําอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสํานักงานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ข้อหาร่วมกันทําให้เสียทรัพย์ และข้อหาซ่องโจร ส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คนถูกดำเนินดคีข้อหาเหมือนกับนายสิทธิศักดิ์ ยกเว้นเพียงข้อหาฆ่าผู้อื่นๆ
ที่ สน.ท่าเรือ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เผยว่า ขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 คนเรียบร้อย ความคืบหน้าล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 5 คน กำลังสอบปากคำอยู่ที่ สน.ท่าเรือ 2 คนคือ นายนรินทร์ หรือเบิร์ด และนายเอกชัย หรือเอก ส่วนอีก 2 คนประสานเข้ามอบตัวที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เรียบร้อยแล้วคือ นายภียกร หรือคิง และนายธนทร หรือจี ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวกลับมาที่ สน.ท่าเรือ และนายสุวัฒน์ หรือเล็ก เหลือนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ยังอยู่ในระหว่างเร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดี เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ละแวกใกล้เคียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
“จากคำให้การของผู้ต้องหาบางคนระบุว่า ตัวการหลักคือ นายแบงค์ เป็นคนชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมก่อเหตุครั้งนี้และเป็นคนรู้ข้อมูลทั้งหมดว่าต้องขโมยตู้คอนเทนเนอร์ไหน โดยไม่มีผู้ดูต้นทาง หลังก่อเหตุนายแบงค์เป็นคนขับรถและนายเล็กนั่งมาข้างๆ ที่เหลืออีก 4 คนวิ่งไปเปิดประตู เพราะ รปภ.จะปิดประตูไม่ให้ออก จากนั้นทั้ง 4 คน จึงวิ่งหนีแยกย้ายกัน ก่อนนายแบงค์เป็นคนขับรถถอยไปชน รปภ.ผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุชน รปภ.มีนายจีมาขึ้นรถภายหลัง นำของกลางไปฝากไว้ที่บ้านนายเจย่านพระราม 3” ผบก.น.5 กล่าว
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายเอกและนายเบิร์ดที่ถูกควบคุมตัวที่ สน.ท่าเรือ ให้การเป็นประโยชน์สอดคล้องกับการสืบสวนก่อนหน้านี้ นายเอกกับนายเบิร์ดอ้างว่า ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดเพราะนายแบงค์เป็นคนจัดการวางแผนทุกอย่าง ส่วนจะได้ส่วนแบ่งอย่างไรต้องสอบสวนเพิ่มเติมก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ให้การอ้างว่า เป็นครั้งแรกที่นายแบงค์ชักชวนมาร่วมก่อเหตุ แต่ทางตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อ เพราะจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน รู้จักกันมาก่อนเพราะเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด
“คนชี้เป้าหรือคนให้ข้อมูล ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน แนวทางการสอบสวนเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนสั่งการมาอีกที หรืออาจมีเกลือเป็นหนอนในองค์กรอย่างกรมศุลกากร ยืนยันว่าไม่มีการตัดประเด็นดังกล่าว เพราะตำรวจสงสัยเช่นเดียวกันว่า ตู้ไม่ได้มีตำหนิระบุว่าเป็นทรัพย์สินอะไร ทำไมผู้ต้องหาถึงรู้ว่าตู้ไหนเป็นของมีราคา ทำไมรู้ว่าประตูเปิดหรือปิดเวลาไหน ต้องเชิญเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรมาสอบปากคำและให้ข้อมูลตู้เก็บของกลางอีกครั้ง” ผบก.น.5 กล่าว
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ เผยอีกว่า ส่วนกรณีมีข้อมูลว่า นายเบิร์ดเคยเป็นลูกน้องนายตำรวจใน สน.ท่าเรือ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่เป็นการใช้งานทั่วไปบางครั้ง เช่น งานทำความสะอาดโรงพัก ใช้ไปซื้อของ แต่ไม่ได้มีหน้าที่หรือภารกิจอื่น ยืนยันว่าตำรวจ สน.ท่าเรือ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ แต่หากขยายผลไปถึงใครยืนยันว่า ไม่มีการละเว้นทั้งสิ้น รวมทั้งเน้นย้ำว่า จะไม่มีการช่วยเหลือทางคดีใดๆกับนายเบิร์ด จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 6 คนพบว่า นายแบงค์เคยมีคดีปล้นทรัพย์ สน.ท่าข้าม ปี 67 นายเอกเคยถูกดำเนินคดียาเสพติดท้องที่ สน.ท่าเรือ ปี 58 นายคิงเคยถูกดำเนินคดีอาวุธปืนท้องที่ สน.บางรัก ปี 63 และคดียาเสพติดท้องที่ สน.บางชัน ปี 65 ส่วนที่เหลือยังไม่พบประวัติรวมทั้งนายเบิร์ดด้วย
ผบก.น.5 กล่าวด้วยว่า กรณีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้กับตู้เก็บของกลางกรมศุลกากรมาหลายครั้ง เบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบข้อมูล แต่หากประชาชนจะแจ้งเบาะแสก็ยินดีรับฟังและนำไปตรวจสอบ