ฟัง 2 มุม ดราม่าเดือด กู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้ หลังเจอ “สุนัขจรจัด” เต็มบ้าน

ฟัง 2 มุม ดราม่าเดือด กู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้ หลังเจอ “สุนัขจรจัด” เต็มบ้าน ขณะที่ทีมงานยืนยัน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เสมอ ไม่มีใครอยากปฏิเสธการช่วยเหลือ

กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านกลุ่ม พัทยา โดยระบุว่า “เราต้องทำยังไง ใครช่วยได้บ้าง 1669 ทิ้งเราไปแล้ว พี่ชายเราไม่สบาย ตอนนี้แย่มากขาขยับไม่ได้แล้ว เคลื่อนไหวเองไม่ได้ ขาขวาบวมใหญ่ผิดรูปไปหมด จากที่ขยับตัวเองนั่งรถเข็นไปมาได้ ตอนนี้คือไม่ได้เลยปวดไปหมด จะพาไปหาหมอยังไงได้ พี่ชายเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว รพ.บางละมุง ก็อยู่ใกล้แค่นี้ บ้านเราอยู่ซอย 13 นาเกลือ ยังไม่มีปัญญาจะพาไปได้เลย เพราะพี่ชายเราเคลื่อนไหวตัวเองไม่ได้แล้ว 1669 โทรไปตอนแรกไม่มาบอกเคสไม่ฉุกเฉิน เราเลยบอกว่าต้องรอให้ตายหรือหยุดหายใจเท่านั้นเหรอถึงจะมาได้ เค้าก็บอกว่า ‘ก็ประมาณนั้น’ คือไร เค้าเลยให้เบอร์พื้นที่ให้ติดต่อไปคุยเอง ก็โทรคุยคราวนี้มา แต่มาถึงก็เจอปัญหาอีก ไม่กล้าเข้ามารับผู้ป่วยในบ้านชั้นสอง เพราะข้างล่างมีหมาจรที่แม่เราเลี้ยงไว้ แต่แม่เคลียร์พื้นที่ให้แล้ว พวกนั้นก็ไม่ไว้ใจเพราะกลัวมันกัดอีกอยู่ดี หมาจรที่แม่เก็บมาเลี้ยงเพราะสงสารพวกมันไม่มีบ้าน แต่นี่เหรอผลของการทำดี แต่ทำไมมาเป็นผลร้ายกับคนในบ้านล่ะ คนป่วยในบ้าน กู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้ ไม่สามารถเข้ามารับได้เพราะกลัวหมากัดอีก ไม่รู้จะทำยังไงได้แล้วเหมือนกัน เราก็จนปัญญา สรุปก็กลับไปกันหมด ทิ้งผู้ป่วยให้นอนรอความตายอยู่บนห้อง เราคิดไม่ออกเลย จะเอายังไงต่อ”

กู้ภัยปฏิเสธรับคนไข้

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งเป็นบ้านลักษณะทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยนาเกลือ 13 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจาก รพ.บางละมุง ไม่ถึง 1 กม. โดยพบว่าภายในบ้านมีเสียงสุนัขเห่าส่งเสียงดังลั่นออกมา ที่ประตูหน้าทางเข้าบ้านมีแผ่นกระดาษติดแปะไว้ที่แผ่นประตู ระบุข้อความว่า “หมาดุมาก ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” ส่วนผู้ป่วยที่เป็นกระแสดราม่า ยังนอนอยู่บริเวณห้องพักชั้น 2

จากการสอบถาม น.ส.อุ้ม (นามสมมติ) อายุ 55 ปี แม่ของผู้ป่วย และเป็นแม่ของผู้ที่โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกสาวได้กลับจากที่ทำงาน เข้ามาบ่นกับตนว่า ทำไมไม่ดูพี่ชาย ซึ่งนอนขยับตัวไม่ได้ อยู่บนบ้านชั้น 2 มาแล้วหลายวัน โดยลูกชายอายุ 32 ปี ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับเรื่องเลือด คือ “โรคฮีโมฟีเลีย“ หรือ โรคเลือดออกง่าย จนขาทั้ง 2 ข้างใช้การไม่ได้ ปกติแล้วตนกับสามี จะพาลูกชายไปหาหมอเอง แต่ครั้งนี้คิดว่าอุ้มไม่ไหว จึงโทรศัพท์ไปโทร 1669 แต่ถูกทางปลายสายปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่ใช่เคสฉุกเฉิน พร้อมทั้งให้เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นเบอร์ของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง

เมื่อโทรศัพท์ไปแจ้งเบอร์ดังกล่าว ไม่เกิน 10 นาที ก็มีรถพยาบาลมาจอดบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นรถพยาบาลของมูลนิธิกู้ภัยแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่า ให้ช่วยเก็บหมาที่อยู่ภายในบ้าน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไป เนื่องจากเกรงว่าไม่ปลอดภัย พอตนเองจับหมาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปในบ้าน สักพักก็เดินกลับออกมาพร้อมกับปฏิเสธไม่รับผู้ป่วย โดยใช้เหตุผลว่ายังมีสุนัขอยู่ใต้บันได และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนเกิดเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างลูกสาวกับกู้ภัยตามที่ปรากฏในคลิป จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เดินทางกลับไปทันที 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเข้าใจและไม่ได้โกรธทีมกู้ภัย เพราะเข้าใจเหตุผลว่าพื้นที่ไม่ปลอดภัย และเกรงว่าจะเกิดอันตรายในระหว่างการเคลื่อนย้าย ส่วนทางด้านลูกสาวที่นำคลิปโพสต์ ตนก็เข้าใจอารมณ์ลูกสาวที่เป็นห่วงพี่ชาย เพราะอยากให้พี่ชายได้ไปหาหมอ ส่วนสุนัขที่เลี้ยงไว้ ยอมรับว่าเป็นสุนัขที่เก็บมาเลี้ยงมีทั้งหมด 21 ตัว 

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ปรากฏในคลิป คือ นายวิวัฒน์ ชีวะโอสถ อายุ 42 ปี พร้อมกับเปิดใจว่า ในเหตุการณ์นี้ตนเองพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างที่จะไม่ปลอดภัย เพราะภายในบ้านมีสุนัขจรจัดหลายตัว จึงพยายามบอกให้เจ้าของบ้าน นำสุนัขเข้าไปไว้ในห้องก่อน ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปภายในบ้าน แต่พอเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบว่ามีสุนัขจำนวน 5 ตัวอยู่ใต้บันได ตอนนั้นตกใจมาก จึงถอยออกมา และพยายามอธิบายให้ทางญาติๆ ทราบว่าสถานที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงสุนัขอาจทำอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ แต่ปรากฏว่าทางญาติได้ถ่ายคลิป และเกิดการปะทะคารมดังกล่าว 

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าตนเองและทีมงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เสมอ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ได้แจ้งกลับไปทางศูนย์สั่งการว่า ไม่สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ได้ เนื่องจากสถานที่ไม่ปลอดภัย ก่อนจะได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังกลับมายังฐานปฏิบัติ แต่ไม่คิดว่าทางญาติผู้ป่วยจะนำคลิปไปโพสต์ จึงอยากให้ทางญาติและประชาชนเข้าใจในการทำหน้าที่ของทีมกู้ชีพกู้ภัย เพราะไม่มีใครอยากปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ประเมินสถานการณ์แล้ว ค่อนข้างมีความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องยกเลิกภารกิจ.

ติดตามข่าวสาร ประเด็นร้อนต่าง ๆ ได้เลยที่เว็บของเรา : ข่าวเด็ดประจำวัน