
ส.อ.ท.มองโครงการรถ กระบะเก่าแลกใหม่ ต้องปรับเงื่อนไข แนะควรแก้ปัญหาไฟแนนซ์ไม่ปล่อยกู้ซื้อรถ ขณะที่ปัญหานโยบายทรัมป์ และการสู้รบในตะวันออกลางอาจกระทบการส่งออกรถยนต์ของไทย
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 68 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.กล่าวว่า แนวคิดที่กระทรวงการคลัง เตรียมพิจารณาโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ ที่จะให้ประชาชน นำรถกระบะเก่าอายุ 20-25 ปี มาแลกรถคันใหม่ ใช้เงื่อนไขภาษีดึงดูดใจ
ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายว่า เห็นด้วยกับมาตรการนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายรถกระบะ แต่อยากให้ปรับเงื่อนไขไม่ต้องกำหนดเพดานบนเป็น 25 ปี ให้ระบุขั้นต่ำ 20 ปี หรืออยากให้พิจารณากลุ่มคนที่ใช้รถมาแล้ว 7-10 ปี แต่อยากเปลี่ยนรถใหม่เข้าร่วมด้วยก็ได้
ขณะเดียวกันอยากขอเสนอให้จัดตั้งกองทุนชดเชยการขาดทุนจากรถกระบะที่ถูกยึดวงเงิน 5,000 ล้านบาทมาช่วยเหลือ เพื่อแก้ปัญหาสถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะเกรงว่า หากประชาชนถูกยึดรถแล้ว สถาบันการเงินจะต้องปล่อยขายขาดทุน
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เราต้องจับตาการเจรจานโยบายการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐอเมริกาว่าจะเจรจาปรับลดลงมาได้หรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเดือนก.ค. 68 รวมถึงยังต้องประเมินเรื่องการสู้รบระลอกใหม่ในตะวันออกกลางว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชาเพื่อประเมินเรื่องการส่งออกรถยนต์ของไทย
สำหรับการผลิตรถยนต์เดือนพ.ค.68 มีการผลิตรถยนต์รวม 139,186 คัน เพิ่มขึ้น 10.32% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นเดือนแรกในรอบ 21 เดือนที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน หรือ BEV เพิ่มขึ้น 641.16%
ส่วนรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน หรือ PHEV เพิ่ม 130.49% ตามมาตรการของบีโอไอ ที่กำหนดให้ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ต้องผลิตอีวีในประเทศตามสัดส่วน 1.5 เท่าของจำนวนรถที่นำเข้ามาในปีนี้ ทำให้การผลิตรถยนต์นั่งเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 63.88% ขณะที่การผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกเดือนพ.ค.มีกำลังการผลิตได้ 87,297 คัน ลดลง 1.7%
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน