
รวบตัวแล้ว “ไอ้แบงค์” จับหัวโจกปล้นกรมศุลฯ ในท่าเรือคลองเตย ชุดสืบสวนนครบาลตามรวบได้ในชุมชนไม่ห่างจากล็อก 6 บ้านของผู้ต้องหา
หลังการข่าวยืนยันว่าไม่ได้ หนีไปไหน ยังวนเวียนหลบหลีกเจ้าหน้าที่อยู่ในถิ่นตัวเอง สารภาพสิ้นไส้มีช่างการท่าเรือฯ เป็นคนชี้เป้าว่า คอนเทนเนอร์ไหนมีบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เคยก่อเหตุมาแล้วได้ของกลางอื้อเอาไปขายทางออนไลน์ได้เงินเกือบ 3 แสนบาท ครั้งที่มี รปภ. เสียชีวิตเป็นครั้งที่ 2 อ้างไม่ได้ตั้งใจถอยรถทับแต่เข้า เกียร์ผิด ตำรวจเตรียมประสานกรมศุลกากรตรวจสอบของกลางในท่าเรือคลองเตยทั้งหมด เพราะให้ข้อมูลยืนยันกับตำรวจมาตลอดว่าถูกปล้นครั้งแรก เล็งดำเนิน คดีคนปกปิดข้อมูลการปล้นด้วย
กรณีแก๊งโจรเหิมบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่กรมศุลกากรยึดไว้ดำเนินคดีภายในการท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย พฤติกรรมอุกอาจตะลุยงัดตู้คอนเทนเนอร์ 5 ตู้ นำบุหรี่ไฟฟ้าของกลางขึ้นรถขับหนี ระหว่างนั้นยังถอยรถตู้ทับนายบุญนาค สวัสสุข อายุ 58 ปี รปภ.ท่าเรือคลองเตยจนเสียชีวิต ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 คน จับกุมแล้ว 5 คน เหลือนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี หัวหน้าแก๊ง ยังหลบหนีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจาก สน.ท่าเรือ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ และนายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผอ.ส่วนของกลาง กรมศุลกากร แถลงความคืบหน้าคดีปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางในความดูแลของกรมศุลกากรภายในท่าเรือคลองเตย หลังจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้า 283 หัว บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 188 ชิ้น หัวบุหรี่ไฟฟ้า 20 หัว เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 2 เครื่อง และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 1 ขวด รวมของกลาง 494 ชิ้น มูลค่า 65,820 บาท คีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ 1 อัน และรถตู้โตโยต้า ไฮเอช สีฟ้า ทะเบียน นข 3973 ตาก
พล.ต.อ.ประจวบกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจนครบาลร่วมกับกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในเคหสถาน สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม 5 คน ประกอบด้วย นายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก อายุ 46 ปี นายธนทร หรือจี ก้อนนาค อายุ 41 ปี นายภียกร หรือคิง ธิติปุญญวัชร์ อายุ 27 ปี นายเอกชัย หรือเอกบอด สมใจ อายุ 42 ปี และนายสุวัฒน์ หรือเล็ก พ่วงยาม อายุ 42 ปี ส่วนนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี หัวหน้าแก๊งยังหลบหนี
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ เผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนให้การคล้ายกันว่า ตัวหลักคือนายแบงค์เป็นคนรวบรวมกลุ่มผู้ต้องหามาขโมยของในโกดังสเตเดียม คนที่ใช้คีมตัดเปิดตู้คอนเทนเนอร์คือนายเบิร์ด พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่เปิด มีการแข่งขันฟุตซอลคนนอกสามารถเข้าไปได้ เพราะเป็นพื้นที่ของการท่าเรือฯแต่กรมศุลกากรมาเช่าโกดังเพื่อเก็บของกลางที่ตรวจยึดมาจากหลายส่วน ส่วนจะมีผู้ชี้เป้าหรือคนในเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ตัดประเด็นนี้
ด้านนายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผู้อำนวยการส่วนของกลาง กองสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีการลักขโมยเกิดขึ้น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พบ เชื่อว่าเป็นการสุ่มเปิดตู้คอนเทนเนอร์เพราะตรงโซนดังกล่าวมีตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 55 ตู้ เป็นบุหรี่ไฟฟ้า 5 ตู้ แต่ผู้ต้องหาตัดไปแล้ว 5 ตู้พบเป็นบุหรี่ไฟฟ้า 1 ตู้ แล้วลักลอบขนไปเท่าจำนวนของกลางที่ตำรวจตรวจยึดมาได้ทั้งหมด ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ามีเกลือเป็นหนอนหรือไม่ นายเฉลิมศักดิ์ตอบว่า ต้องดูตามข้อเท็จจริงเป็นหลัก เบื้องต้นเป็นการสุ่มตัดตู้ไปเรื่อยๆไม่ได้ทำสัญลักษณ์หรือติดป้ายประกาศเพื่อป้องกันการโจรกรรม แต่จะมีฝ่ายบัญชีที่รู้ข้อมูลว่าประตูไหนเป็นอะไร
“กรมศุลกากรมีมาตรการดูแลของกลางเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นพื้นที่เช่าของการท่าเรือฯ จะมี รปภ.หมุนเวียนมาดูแลตลอดและมีประสิทธิภาพเพราะจ้างมาจากองค์การทหารผ่านศึก แต่บางส่วนเป็นพื้นที่เปิดอาจมีบุคคลภายนอกล่วงรู้ว่ามีของที่ตรวจยึดมาเก็บไว้ กรมศุลกากรขอสดุดีการทำหน้าที่ของนายบุญนาค สวัสสุข รปภ.ที่เสียชีวิต ยกให้เป็นวีรบุรุษ จะมอบเงินให้ครอบครัวจำนวนหนึ่ง ทั้งช่วยงานศพและเป็นเจ้าภาพ” นายเฉลิมศักดิ์กล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 นำกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุมนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 564/2568 ลงวันที่ 2 มิ.ย.68 ระหว่างล็อก 4 และ 5 ชุมชนคลองเตย ถนนอาจณรงค์ แขวงและเขตคลองเตย กทม. ใกล้บ้านของนายแบงค์ บริเวณล็อก 6 ชุมชนคลองเตย ก่อนควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ สน.ท่าเรือ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มาเก็บดีเอ็นผู้ต้องหาไปตรวจสอบด้วย
นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ให้การว่า ตนทำทุกอย่างเองโดยไม่มีใครจ้าง แต่มีผู้ดูแลสนามฟุตซอลในพื้นที่เป็นคนคอยชี้เป้าให้ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นตนชักชวนไปทำ ไม่ได้ว่าจ้าง ส่วนเรื่องถอยรถชน รปภ.เสียชีวิต นายแบงค์อ้างว่า เป็นเพราะใส่เกียร์ผิดไม่ได้ตั้งใจ อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนคน ชี้เป้าชื่อเล่นว่า “สน” เป็นช่างของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการซักถามนายแบงค์ให้การว่า ก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ได้บุหรี่ไฟฟ้าไปเต็มรถตู้รวมมูลค่า 270,000 บาท นำไปขายทางออนไลน์ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ทุกครั้งจะมีคนในพื้นที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นคนคอยชี้เป้าให้ มีความสนิทสนมกับนายแบงค์ ตอนนี้ตำรวจทราบตัวแล้วว่าเป็นใคร ส่วนที่ขับรถชน รปภ.เสียชีวิต นายแบงค์ ยังยืนยันว่าเป็นการใส่เกียร์ผิด ไม่มีเจตนา แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ
“ส่วนข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้ไม่ตรงกับกรมศุลกากรว่า ไม่เคยเกิดเหตุปล้นของกลางลักษณะแบบนี้มาก่อน เพราะตำรวจยังไม่เคยได้รับแจ้งความจากกรมศุลกากร ต้องรอให้กรมศุลกากรรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะรายการบัญชีของกลางเพื่อนำมาตรวจสอบ หลังจากทำบันทึกจับกุมเสร็จแล้ว จะส่งตัวนายแบงค์ให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียด หลังจากนั้นจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังภายในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว” ผบก.สส.บช.น.กล่าว
ต่อมาเวลา 15.00 น. ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม นำหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.902/2567 ลงวันที่ 10 ต.ค.67 เข้าอายัดตัวนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ ข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธมีด เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือจะทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค.65 เวลา 16.00 น. พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ จากผู้เสียหาย 3 คน ว่าพวกตนนัดหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุขอซื้อโทรศัพท์มือถือบริเวณห้างโลตัสพระราม 2 ถนนพระราม 2 ซอย 69 แยก 2 เมื่อผู้เสียหายเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพบผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 4 คน เดินมาประกบก่อนใช้กำลังบังคับผู้เสียหายทั้ง 3 คนขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิของผู้เสียหาย ปล่อยผู้เสียหาย 1 คน ลงริมถนนพระราม 4 แต่ยึดโทรศัพท์มือถือพร้อมเงินสด 13,000 บาทไว้ ต่อมาขับรถไปถึงเชิงสะพานภูมิพล บังคับให้ผู้เสียหายอีก 2 คนลงจากรถ และยึดโทรศัพท์มือถือพร้อมเงินสดอีก 13,000 บาท ก่อนขับรถหลบหนีไป ผู้เสียหายแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม
หลังฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม ลงพื้นที่ตรวจสอบจนสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้รวม 6 คน ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ ประกอบด้วย 1.นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ 2.นายลีวะพันธิ์ เพ็ชรสวาท อายุ 32 ปี 3.นายชุมพล เต่าทอง อายุ 50 ปี 4.นายสุริยงษ์ เสนสี อายุ 38 ปี 5.นายพิเชษฎ์ ทรนงพิทักษ์กุล อายุ 42 ปี และ 6.นายเกียรติศักดิ์ ดีวงษ์ อายุ 34 ปี ทั้งหมดถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว เหลือแต่นายสิทธิ์ศักดิ์ หรือแบงค์ ยังหลบหนี กระทั่งนายสิทธิ์ศักดิ์ถูกฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือจับกุมคดีปล้นบุหรี่ไฟฟ้าและขับรถตู้ชน รปภ.เสียชีวิต จึงเดินทางไปอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อไป
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน