ทุเรียนไทย มรสุมรอบทิศ ชาวสวนปาดน้ำตา
มรสุมทุเรียนไทย ส่อสะเทือนแชมป์ส่งออกจีน ถูกคุมเข้มตรวจสารปนเปื้อน ซ้ำปีนี้ผลผลิตต่ำ จับตาเดือนหน้าทุเรียนภาคตะวันออกให้ผลผลิต ส่อราคาตก ล้งจีนถอนทัพทำได้ไม่คุ้มทุน วอนนายกฯ ช่วยต่อสายตรงคุยจีน พยุงราคาผลผลิตไม่ให้ตกไปมากกว่านี้
ภานุศักดิ์ สายพานิช ประธานสมาคมทุเรียนไทย กล่าวถึงสถานการณ์ส่งออกทุเรียนไทยไปจีนว่า ตั้งแต่ปีที่แล้วทางการจีนมีการตรวจเข้มทุเรียนนำเข้าจากหลายประเทศ โดยไม่ให้มีสารแคดเมียม ทุเรียนไทยก็โดนคุมเข้มไปด้วย ทำให้ทางการจีนตรวจเข้ม 100% คือทำการตรวจทุกตู้ ทำให้มีทุเรียนที่ต่อคิวรอตรวจนาน อย่างปกติทุเรียนไทยส่งไปจีนจะถึงตลาดอย่างน้อย 7 วัน แต่พอตรวจเข้มกว่าจะไปถึงตลาดก็ 12 – 15 วัน จนทำให้ทุเรียนเสียหาย
ต้นปี 2568 จีนมีการคุมเข้มสารปนเปื้อนสาร Basic Yellow 2 (BY2) ที่ปนอยู่บนเปลือกทุเรียน โดยมีการประกาศควบคุมอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวสวนทุเรียนไทยตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งทางการจีนเมื่อตรวจเจอ จะไม่ให้ทุเรียนในตู้นั้นผ่านเข้าไปขายยังประเทศจีน ทำให้ทุเรียนไทยราคาตกอย่างหนัก แต่ในช่วงนั้นยังไม่ใช่ฤดูที่ทุเรียนให้ผลมาก ส่วนใหญ่เป็นทุเรียนทางภาคใต้ ที่ขายได้ราคาต่ำกว่าปีก่อนครึ่งหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้ชาวสวนทุเรียนไทยต้องมาปรับกระบวนการส่งออกใหม่ เพราะสารปนเปื้อนสาร BY2 ที่มีการนำเข้ามาจากจีน เมื่อผสมกับน้ำและนำทุเรียนทั้งลูกลงไปชุบจะทำให้เปลือกมีสีเข้ม และเมื่อไปถึงตลาดจีนน่ารับประทาน ซึ่งแต่ก่อนผู้ส่งออกจีนต้องการให้ชุบ เนื่องจากเมื่อถึงปลายทางจะมีราคาที่ดี แต่มาในช่วงหลังพบว่าสารนี้อาจมีส่วนในการก่อมะเร็ง
พอเลิกชุบสาร BY2 แต่ยังตรวจเจอในบางลูก ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก ทำให้ชาวสวนทุเรียนพยายามหาสาเหตุว่ามีการปนเปื้อนมาจากจุดไหน โดยชาวสวนทุเรียนต้องลงทุนเพิ่มในการส่งทุเรียนไปตรวจที่ห้องแล็บที่ทางการจีนกำหนดไว้ ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งปัญหาของสารปนเปื้อนก็ยังไม่ได้หมดไป จนมาพบว่ามีการปนเปื้อนจากกล่องกระดาษของบางผู้ผลิต โดยตอนนี้ก็ทำการแก้ไปได้แล้วบางส่วน
ทุเรียนไทยส่งออกไปจีน สิ่งที่น่ากังวลคือ เดือนพฤษภาคมนี้ ที่ทุเรียนภาคตะวันออกจะให้ผลผลิตมากขึ้น โดยปีนี้ให้ผลผลิตล่าช้าไปประมาณเดือนหนึ่ง ขณะเดียวกันผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกปีนี้น้อยกว่าปีก่อน แต่ก็น่ากังวลว่า ด้วยการคุมเข้มเรื่องสารปนเปื้อน ทำให้ทุเรียนต้องใช้เวลาในการผ่านด่านตรวจล่าช้ากว่าทุกปี อาจจะทำให้ผลผลิตเสียหาย และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยอีกจำนวนมาก
“ถ้าปล่อยให้สถานการณ์ทุเรียนไทย เผชิญกับปัญหารอบด้าน อาจทำให้ปีนี้ราคาทุเรียนตก จนต้องมากินกันเองในประเทศ ปกติทุเรียนจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 20% แต่อีก 80% เป็นการส่งออกทุเรียน ปกติราคาในการส่งออกจะดีกว่า แต่ถ้ายังเจอปัญหารอบด้านอยู่ ปีหน้าก็จะมาคนมาทำทุเรียนลดลง”
ปีนี้ทุเรียนดอกไม่ติดเยอะมาก จากที่ต้นปีคาดว่าจะมีทุเรียนภาคตะวันออก ปีนี้ล้านกว่าตัน แต่พอมาถึงตอนนี้หลายสวนก็ได้รับความเสียหาย จนทำให้คาดว่าผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออกปีนี้เหลือไม่ถึง 7 แสนตัน สิ่งนี้ทำให้เกษตรกรหลายคนขาดทุน เพราะผลผลิตไม่ได้ให้ตามที่คาดหวัง เช่น บางคนลงทุน 50 บาทต่อทุเรียน 1 กิโลกรัม ต้องมีต้นทุนเพิ่มมาเป็น 100 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
ล้งจีนรับซื้อทุเรียนหายไปเกินครึ่ง ส่งผลต่อราคาทุเรียนไทยส่งออก
ด้วยปัจจัยด้านการตรวจสารเคมีที่เข้มข้นของจีน และผลผลิตที่ให้น้อยทำให้ปีนี้ ชาวสวนทุเรียนต้องแบกต้นทุนที่สูงขึ้น “ภานุศักดิ์” เล่าว่า จากปัญหาที่มีรอบด้าน ทำให้ชาวจีนที่มาเปิดล้งทุเรียนในภาคตะวันออกลดลง จากปีก่อนที่มีล้งมาเปิดในภาคตะวันออกประมาณ 600 – 700 ราย แต่พอมาปีนี้ล้งทุเรียนเหลือเพียง 100 – 200 ราย
การที่ล้งหายไปจำนวนมาก ส่งผลต่อราคาของทุเรียนส่งออกจีน เพราะถ้ามีล้งมากจะเกิดการแข่งขัน และราคาทุเรียนเป็นไปตามกลไกการตลาดส่งออก ซึ่งถ้าล้งเหลือเพียงไม่กี่เจ้า ราคาทุเรียนก็อาจตกไม่เหมือนกับปีก่อน
ตอนนี้ก่อนที่จะถึงฤดูทุเรียนของภาคตะวันออกในเดือนหน้า (พฤษภาคม) อยากให้ผู้ใหญ่ของรัฐบาลไทยไปเจรจากับทางการจีน ซึ่งอยากเห็นท่านนายกฯ เดินทางไปเจรจากับจีนด้วยตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับกรมฯ ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปหลายครั้ง เพราะอย่าลืมว่าผลไม้ เป็นสินค้าส่งออกที่ไทยได้ดุลการค้าจากจีน
“เงินจากการขายทุเรียน มาถึงประชาชนคนทำสวนโดยตรง ไม่ได้เหมือนกับอุตสาหกรรมอื่น ที่ต้องผ่านบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาชาวสวนได้ยื่นขอเสนอเพื่อขอความช่วยเหลือไปยังนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์หมดแล้ว ซึ่งเหลือเพียงให้พวกท่านมาช่วย เนื่องจากสวนทุเรียนเป็นการลงทุนที่สูง แม้หลายคนจะมองว่าชาวสวนทุเรียนได้เงินดี แต่อย่าลืมว่าก็มีชาวสวนบางส่วนที่ขาดทุน ถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายมาแล้ว และถ้ารอบนี้ไม่มีการช่วยเหลืออีกก็อาจส่งผลกระทบที่ร้ายแรงตามมาได้”
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน