ปมเรื่องนก ปิดเกาะล่า บังเอ็น ฆ่า 2 ศพ เด็กวัย 1 ขวบก็ไม่เว้น

ปิดเกาะล่า บังเอ็น

ปิดเกาะล่า บังเอ็น ฆาตกรอำมหิต ยิงหนุ่มโชเฟอร์แท็กซี่เพื่อนบ้านตายสยอง ยิงลูกสาววัย 1 ขวบเศษสิ้นใจคาอกแม่

ตำรวจ-ฝ่ายปกครองระดมกำลังนับร้อยปิดเกาะลันตา ไล่ล่า “บังเอ็น” ฆาตกรอำมหิต รัวยิงหนุ่มโชเฟอร์แท็กซี่เพื่อนบ้านตายสยอง ยิงลูกสาววัย 1 ขวบเศษสิ้นใจคาอกแม่ เมียเหยื่อเผยนาทีชีวิต คนร้ายตั้งใจฆ่ายกครัว เล็งปืนใส่ทั้งที่เห็นอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอด น้องสาวมือปืนอ้างปมมรณะจากเหตุนกขุนทองหลุดกรง ผู้ตายจับได้แต่ยึกยักไม่คืนให้ ก่อนทะเลาะมีปากเสียงบานปลายถึงฆ่าแกง แฉประวัติอาชญากรเหี้ยม เพิ่งพ้นคุกคดีทำร้ายผู้อื่น

เหตุอุกอาจสะเทือนขวัญ กรณีนายวิวัฒน์ สุคนธรัตน์ อายุ 41 ปี หรือบังเอ็น บ้านอยู่หมู่ 1 ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ใช้ปืน 9 มม. กระหน่ำยิงหวังฆ่ายกครัว 3 พ่อแม่ลูกเพื่อนบ้าน นายอภิวัฒน์ หมั่นเพียร อายุ 37 ปี อาชีพขับแท็กซี่รับนักท่องเที่ยว เสียชีวิตพร้อมลูกสาว ด.ญ.ณิชาริญ หมั่นเพียร วัย 1 ขวบเศษ ส่วน น.ส.สุดารัตน์ บูสมัน อายุ 28 ปี ภรรยา บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบ่ายวันที่ 1 ก.ค. คนร้ายขี่รถ จยย.ยามาฮ่า อาร์ 15 สีดำ-ฟ้า ทะเบียน 1 กฎ 9996 กระบี่ หลบหนีไป สาเหตุจากทะเลาะกันเรื่องนกขุนทองของบังเอ็นหลุดออกจากกรงเลี้ยง ผู้ตายจับไว้ได้ บังเอ็นไปขอนกคืน ผู้ตายยอมคืนให้ แต่ทำให้ทั้งคู่มีความบาดหมางกันก่อน ลุกลามบานปลายถึงขั้นฆ่ากันดังกล่าว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 ก.ค. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รรท.ผบก.ภ.จ.กระบี่ สั่ง การให้ ตำรวจ สภ.เกาะลันตา พร้อมชุดสืบสวน ภ.จ.กระบี่ และฝ่ายปกครองอำเภอเกาะลันตากว่า 100 นาย ปิดล้อมภูเขาบ้านท่าไร่ หมู่ 3 ต.เกาะลันตาน้อย หลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบภาพคนร้ายขี่รถ จยย.คันดังกล่าวหลบหนีขึ้นเขา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตามยึดรถ จยย.ของคนร้ายได้ในสวนยางพารา หมู่ 3 ต.เกาะลันตาน้อย ส่วนคนร้ายหายเข้าป่ารกทึบบนภูเขา เจ้าหน้าที่กระจายกำลังปิดล้อมบริเวณโดยรอบ เนื่องจากจุดที่พบรถ จยย. สามารถเดินหนีขึ้นไปบนเขาและออกไปยังหมู่บ้านอื่นได้หลายทาง ระยะทางหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนชาวบ้านทุกหลังในพื้นที่ให้ระมัดระวังตัว เพราะคนร้ายมีอาวุธและมีความเหี้ยมโหด ฆ่าได้แม้แต่เด็กหญิงตัวเล็กๆวัยเพียง 1 ขวบเศษ

ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านเรือนชาวบ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลกว่า 30 หลังเพื่อค้นหาคนร้ายที่อาจหลบมาซ่อนตัวแต่ยังไม่พบ ชุดสืบสวนยังได้ข้อมูลอีกทางหนึ่งว่าคนร้ายอาจแอบขึ้นเรือประมงของญาติข้ามฝั่งไปบนแผ่นดินใหญ่ พื้นที่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามอีกทาง ขณะที่ฝ่ายปกครองตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ของนายวิวัฒน์ คนร้ายผู้ก่อเหตุ ปรากฏว่าเป็นคนเถื่อน ยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียน กับกรมการปกครอง เนื่องจากเป็นบุคคลที่พ่อแม่ไม่ได้แจ้งเกิด แต่พื้นเพเป็นคนในเกาะลันตาน้อย
ในส่วนของคดี ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดกระบี่ออกหมายจับนายวิวัฒน์ หรือบังเอ็น สุคนธรัตน์ ในข้อหา “ฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร” ตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่าผู้ต้องหาเคยต้องโทษในคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในท้องที่ สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เมื่อปี 2557 ติดคุกอยู่ 8 ปี เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนกลับมาอยู่ที่เกาะลันตาทำอาชีพออกเรือประมงพื้นบ้านร่วมกับญาติ จากการสืบสวนพบว่า นายวิวัฒน์พัวพันกับธุรกิจไม่เปิดเผยด้วย ถือเป็นบุคคลอันตรายอย่างมาก

ที่ สภ.เกาะลันตา ตำรวจเชิญ น.ส.หย้า ทอดทิ้ง อายุ 70 ปี แม่ของนายวิวัฒน์ ผู้ต้องหา เข้าสอบปากคำถึงมูลเหตุของการยิงยกครัวครั้งนี้ น.ส.หย้า ให้การอ้างว่า เรื่องมาจากนกขุนทอง 2 ตัว ที่ลูกชายคือนายวิวัฒน์ ซื้อมาในราคา 8,000 บาท ตนเป็นคนเลี้ยงให้อาหารมาประมาณ 2 เดือน วันอาทิตย์ที่ผ่านมา นกหลุดออกจากกรงหายไปทั้งคู่ มีคนเห็นผู้ตายจับนกได้ ตนไปถามว่านกอยู่ไหน คนตายบอกว่าเอาไปให้เพื่อนเลยมีปากเสียงกัน แต่ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไร กระทั่งลูกชายทราบเรื่องได้ไปทวงนกคืนและเกิดเรื่องยิงกัน หากลูกชายรับฟังข่าวสารอยู่ ขอให้มามอบตัว อย่าได้สู้กับตำรวจ ขอให้มารับโทษที่ก่อขึ้น ทำผิดต้องรับผิด โทษหนักจะได้เป็นเบา

ด้าน น.ส.มารี (นามสมมติ) น้องสาวบังเอ็น ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอ้างว่า ตอนนี้ยังติดต่อพี่ชายไม่ได้ และไม่ทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปหรือยัง ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นยืนยันว่ามาจากเรื่อง “นกขุนทอง” และปมปัญหาความขัดแย้งเก่า พี่ชายซื้อนกขุนทองมา 1 คู่ ราคา 8,000 บาท ใส่กรงเลี้ยงไว้ในบ้าน วันอาทิตย์ที่ผ่านมานกขุนทองหายไปจากกรง คนในบ้านเห็นว่าฝั่งผู้ตายจับนกขุนทองทั้ง 2 ตัวไว้เลยไปทวงคืน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอม อ้างว่าขายต่อไปแล้วให้ไปซื้อคืนเอาเอง พี่ชายพยายามเข้าไปขอดีๆ สุดท้ายผู้ตายยอมคืนนกมาให้ แต่ยังไม่ยอมจบเรื่อง พูดจากระทบกระทั่ง ไล่พี่ชายให้ออกไปจากหน้าบ้านด้วยคำพูดหยาบคาย และด่าทอคำหยาบใส่แม่ด้วย ทำให้พี่ชายไม่พอใจว่าทำไมต้องมาด่า แต่ไม่อยากมีปัญหาเลยปล่อยให้เรื่องเงียบไป

น้องสาวบังเอ็นให้ข้อมูลอ้างอีกว่า วันเกิดเหตุเวลาเที่ยงพี่ชายขี่รถ จยย.กลับจากธุระเข้ามาที่บ้าน หลังจอดรถเดินไปทางหลังบ้าน ไม่ได้พูดจาทักทายใคร ตอนนั้นท่าทีไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียวหรือมีพฤติการณ์จะหาเรื่องอะไร นิ่งๆเฉยๆ ผ่านไปไม่นานตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลังบ้าน วิ่งไปดูเห็นพี่ชายใช้ปืนยิงใส่ฝั่งคู่กรณี ตอนนั้นยอมรับตกใจมาก ไม่คิดว่าพี่ชายจะยิงคนถึง 3 คน 1 ในนั้นเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆด้วย พยายามตะโกนห้ามให้หยุด หลังก่อเหตุพี่ชายเดินกลับเข้ามาในบ้านบอกกับแม่ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่พลาดไปยิงโดนเด็กตาย พร้อมทั้งขอโทษแม่ ก่อนขี่รถออกไปไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน ตอนนี้อยากให้พี่ชายติดต่อมอบตัว อย่าต่อสู้ขัดขืนการจับกุม

ผู้สื่อข่าววิดีโอคอลขอสัมภาษณ์ น.ส.สุดารัตน์ บูสมัน อายุ 28 ปี ภรรยานายอภิวัฒน์ โชเฟอร์แท็กซี่ และแม่ของหนูน้อยวัย 1 ขวบ เหยื่อกระสุนสังหาร เจ้าตัวถูกยิงแขนขวา 1 นัด รักษาตัวที่ รพ.กระบี่ เล่าเหตุสะเทือนใจที่ต้องสูญเสียสามีและลูกน้อยวัยน่ารักน่าชังทั้งน้ำตาว่า รับไม่ได้กับพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุอำมหิตผิดมนุษย์ ตั้งใจจะฆ่ายกครัวทั้งพ่อแม่ลูก วันเกิดเหตุตนนั่งดูลูกสาววิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ส่วนสามีเพิ่งขับรถกลับเข้าบ้านได้ไม่นาน ระหว่างนั้นเห็นนายวิวัฒน์ หรือบังเอ็น คู่กรณียืนซุ่มมองอยู่หลังบ้าน ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไร เพราะเรื่องนกขุนทองจบไปแล้ว จากนั้นเห็นบังเอ็นเดินเข้าบ้าน ตนไม่ได้สนใจ อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมกอด สักพักได้ยินเสียงเดินออกมาอีกรอบ เงยหน้าขึ้นมองเห็นบังเอ็นถือปืนเล็งยิงใส่ตน กระสุนพุ่งเจาะแขนและยิงใส่ลูกสาว กระสุนถูกศีรษะคอพับแน่นิ่งคาอก

น.ส.สุดารัตน์เล่าด้วยความสะเทือนใจต่อว่า ระหว่างนั้นสามีวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ บังเอ็นหันปากกระบอกปืนไปหาสามี ลั่นไกยิงใส่ทันทีตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ช่วงชุลมุนตนอุ้มร่างโชกเลือดของลูกลุกขึ้นวิ่งหนีเอาชีวิตรอดด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าลูกสิ้นใจไปแล้ว และไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุตามไปยิงสามีซ้ำอีกครั้งจนเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม เหตุการณ์ครั้งนี้มันรุนแรงกับครอบครัวตนมาก ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกสาว ยังไม่รู้ว่าจากนี้ตนจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ไม่มีใครเหลือแล้ว และภาพจำมันติดตาติดใจ สภาพจิตใจตอนนี้ยังช็อก เมื่อคืนกินยานอนหลับและหลับไป จู่ๆได้ผวาสะดุ้งตื่น เพราะยังได้ยินเสียงปืนดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา อยากให้ตำรวจจับกุม คนก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว และอยากให้ประหารชีวิตด้วย

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน