สาวลพบุรี หนีแก๊งคอลฯ ปีนรั้วสูง 3 เมตร ปอยเปต

สาวลพบุรี หนีแก๊งคอลฯ

สาวลพบุรี หนีแก๊งคอลฯ อ้างเป็นเหยื่อ

สระแก้ว-รวบสาวลพบุรี ปีนรั้วกั้นพรมแดนสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ความสูงเกือบ 3 เมตร จากเขมรเข้าไทย อ้างหนีตายขุมนรกจากตึก 18 ชั้น ปอยเปต หลังรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเจ้าของเป็นคนจีน หากทำยอดไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย ไม่ให้กินข้าว

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ กกล.บูรพา (ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา) สั่งการให้ พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 (ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12) และ ร.ท.สาโรจน์ โยธา ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201) นำกำลังพล ร้อย ทพ.1201 ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.คลองลึก

สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ชปข.2 และ นฝด.11 กกล.บูรพา ออกทำการลาดตระเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติริมชายแดน บริเวณท้ายตลาดโรงเกลือ และจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตามนโยบายซีลเข้มชายแดนช่องธรรมชาติของนายกรัฐมนตรี และกองทัพบก

สาวลพบุรี หนีแก๊งคอลฯ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วม ร้อย ทพ.1201 ได้ตรวจพบหญิงต้องสงสัย สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายพรางสีเทา นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินพร้อมกระเป๋าสัมภาระ ลักลอบปีนรั้วชายแดนหลังสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวไว้ได้ พบว่าเป็นคนไทย ทราบชื่อ น.ส.มิ่งขวัญ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว จ.ลพบุรี ตรวจค้นไม่พบหนังสือเดินทางหรือเอกสารอนุญาตผ่านแดนแต่อย่างใด

โดยอ้างว่าหลบหนีมาจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะกลับบ้านเกิดที่ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาทำการซักถามที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 จต.อ.20 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

จากการซักถามเบื้องต้น น.ส.มิ่งขวัญ อ้างว่าได้สมัครงานออนไลน์มาทางแอปหางานทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ให้มาทำงานออนไลน์ที่ปอยเปต ฝั่งกัมพูชา ได้เงินเดือน 2 หมื่นบาท จึงเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 โดยนั่งรถโดยสารมาลงที่ บขส.อรัญประเทศ จากนั้นมีชาวกัมพูชา ขี่รถ จยย.มารับไปส่งข้ามแดนช่องธรรมชาติ เสียค่าใช้จ่ายไป 2,000 บาท เมื่อข้ามไปฝั่งเขมรแล้ว มีชาวเขมรขี่รถ จยย.มารับไปส่งที่ตึก 18 ชั้น โซนน้ำพุ กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา แล้วมีคนกัมพูชาเชื้อสายจีน มารับเข้าไปในตึก เมื่อเข้าไปแล้วจึงรู้ว่าถูกหลอกให้มาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีเจ้าของเป็นคนจีน จากนั้นก็บังคับให้ทำงานประเภทชักชวนให้บุคคลมาลงทุนเพิ่มยอดขายสินค้าในรายการที่เขากำหนด ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.68 และบังคับให้ทำยอดให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ หากทำไม่ได้ก็จะถูกทำร้ายร่างกายไม่ให้กินข้าว และไม่ให้ออกไปไหน

ซึ่ง น.ส.มิ่งขวัญ อ้างอีกว่าเมื่อทำงานได้ครบ 1 เดือน นายจ้างชาวจีนก็ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างแต่อย่างใด พร้อมทั้งข่มขู่ให้ทำยอดหลอกลวงให้ได้ตามเป้า หากไม่ได้จะถูกทำโทษอย่างหนักทำให้ตนกลัวมากจึงหาทางหลบหนีมาโดยตลอด จนกระทั่งสบโอกาสช่วงกลางดึกจึงได้หลบหนีออกมาจากตึก 18 ชั้น แล้วเจอชาวกัมพูชา ขี่รถ จยย.ผ่านมา จึงขอให้เขาช่วยพามาส่งบริเวณชายแดนช่องธรรมชาติ ตนจึงตัดสินใจปีนรั้วสถานีรถไฟ จากฝั่งกัมพูชา ข้ามเข้ามาในฝั่งไทย ซึ่งรั้วมีความสูงเกือบ 3 เมตร

“ตนต้องเลือกเสี่ยงดีกว่าถูกแก๊งคอลฯ จับกลับไป ตอนนั้นคิดอย่างเดียวขอให้ได้พ้นขุมนรกในเขมรให้ได้เท่านั้น จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานไทยจับได้ ก็ถือว่ายังดีที่ได้กลับประเทศไทยแล้ว”

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.มิ่งขวัญ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ดำเนินคดีและสอบสวนขยายผลถึงขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน