หมอผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร เผยเมนูประจำวันของตัวเอง เพื่อสุขภาพลำไส้และตับ คนไทยก็ทำตามได้!
โจเซฟ ซาลฮับ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารจากฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เผยเมนูอาหารประจำวันของเขา ที่ประกอบด้วยผลไม้ ปลา กาแฟ และถั่ว หวังจะกระตุ้นให้ผู้ติดตามกว่า 1.7 ล้านคนบน TikTok หันมาใส่ใจสุขภาพลำไส้และตับมากขึ้น
“ผมพยายามหลีกเลี่ยงอาหารจานด่วนมันเยิ้มและทอด ผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ และบางครั้งก็เผลอใจ แต่ผมสังเกตได้ว่าเมื่อผมทำอาหารเอง ผมมักจะไม่กินมากเกินไป และรู้สึกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ” ซาลฮับ กล่าว
ซาลฮับ มักเริ่มต้นวันด้วยน้ำมะนาว ชามะนาว หรือผลไม้สด
“คนที่รับประทานวิตามินซีมากขึ้นมักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีน้อยลง มีสุขภาพตับที่ดีขึ้น และแบคทีเรียในลำไส้ที่ดีกว่า” ซาลฮับ กล่าว
วิตามินซีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
นอกจากมะนาวแล้ว วิตามินซียังพบได้ในส้ม เกรปฟรุต กีวี แคนตาลูป สตรอว์เบอร์รี พริกหวาน มะเขือเทศ กะหล่ำดาว และบรอกโคลี
นอกจากน้ำและชาแล้ว ซาลฮับ ยังดื่มกาแฟเพื่อป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและโรคไขมันพอกตับ
จากงานวิจัยในปี 2565 พบว่ากาแฟกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนโคลีซิสโตไคนิน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร
ในบทความที่เผยแพร่โดยคลินิกโรคไขมันพอกตับแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก นักโภชนาการ แอนนี่ กวิเนน แนะนำว่า การดื่มกาแฟไม่เกิน 3 แก้วต่อวัน สามารถช่วยปกป้องตับได้
ซาลฮับ บอกว่า เขายังรับประทานถั่วเปลือกแข็ง 2 มื้อ ขนาดมื้อละ 1 ออนซ์ ต่อสัปดาห์
“เราทราบว่าคนที่กินถั่วเปลือกแข็งมากขึ้นมักจะมีความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้และโรคไขมันพอกตับลดลง” เขาอธิบาย
ถั่วเปลือกแข็งประกอบด้วยอัลมอนด์ ถั่วบราซิล เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เฮเซลนัท แมคคาเดเมีย พีแคน ไพน์นัท พิสตาชิโอ และวอลนัท
การศึกษาปี 2560 พบว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 ที่รับประทานถั่วอย่างน้อย 2 ออนซ์ต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงการกลับมาของมะเร็งลดลง 42 เปอร์เซ็นต์ และลดโอกาสเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลง 57 เปอร์เซ็นต์
แต่อย่ากินถั่วบราซิลมากเกินไป เพราะมีซีลีเนียมสูงและอาจทำให้เกิดพิษจากซีลีเนียมได้
ถั่วอย่างวอลนัท บัตเตอร์นัท และเฮเซลนัท เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งจำเป็นต่อหัวใจ สมอง และดวงตา การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าไขมันดีเหล่านี้ส่งผลดีต่อการเผาผลาญไขมันในตับด้วย
ซาลฮับ ยังได้รับโอเมก้า-3 จากการกินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
สุดท้าย ซาลฮับ พยายามออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยามเย็นหรือเดินวันละ 5,000-10,000 ก้าว
“ผมสังเกตว่ามันช่วยให้ผมย่อยอาหารได้ดีขึ้น คนที่ออกกำลังกายมากขึ้นมีความเสี่ยงโรคตับลดลง เสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดีน้อยลง มีแบคทีเรียในลำไส้ที่ดีกว่า และมีการขับถ่ายที่เป็นปกติ” เขากล่าว
เอมิลี่ ฟีเวอร์ นักโภชนาการที่โรงพยาบาลลองไอส์แลนด์ยิวฟอเรสต์ฮิลส์ ตั้งข้อสังเกตว่า อาหารที่ซาลฮับกินอุดมไปด้วยเส้นใย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วยให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น ลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและไขมันไม่ดี รวมถึงลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
“มีเพียงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของคนอเมริกันที่ได้รับเส้นใยอาหาร 28 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอาหารและยากำหนดไว้ เส้นใยอาหารมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการทำงานของอวัยวะ เช่น สมองและตับ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น” ฟีเวอร์ กล่าว
ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน