เจ๊แก้วหายตัวปริศนา เจ้าของแผงทุเรียน ญาติห่วงใส่ทองติดตัวเกือบ 20 บาท

ญาติแจ้งความ ตร. ช่วยตามหา เจ๊แก้วหายตัวปริศนา เจ้าของแผงทุเรียน ที่สุราษฎร์ธานี หายตัวปริศนา ห่วงใส่ทองติดตัวเกือบ 20 บาท โทรศัพท์ถูกทิ้งไว้ที่ร้านทั้ง 2 เครื่อง 

จากกรณี เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 68 ญาติของ น.ส.สุจิตรา กุลจันทร์ หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เนื่องจาก น.ส.สุจิตรา หายตัวไปหลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.40 น. วันที่ 17 พ.ค. 68 เจ๊แก้วหายตัวปริศนา

หลังรับแจ้งทางชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ออกไล่กล้องวงจรปิดโดยรอบ เพื่อหาเบาะแสแต่ก็ยังไม่พบ และจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี เพื่อที่จะเตรียมค้นหาหากมีพื้นที่เป้าหมายที่สงสัย

ด้านน้องสาวของเจ๊แก้ว ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า วันที่พี่สาวหายตัวไป ตนโทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นเห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้าน จึงพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ซึ่งพี่สาวพกโทรศัพท์ติดตัวสองเครื่อง ตนและญาติพยายามติดต่อจนถึงช่วงเที่ยงวันที่ 18 พ.ค. โทรศัพท์ของพี่สาวเครื่องหนึ่งได้ปิดไป แต่อีกเครื่องยังโทรติดแต่ไม่มีคนรับ

นอกจากนี้ ปกติแล้วพี่สาวจะใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ข้อมือทองคำ 10 บาท และแหวนทองติดตัวตลอด และวันที่หายตัวไปพี่สาวได้พกเงินสดจากการขายทุเรียนอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาพี่สาวไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครที่คาดว่าจะเป็นประเด็นให้หายตัวไป ซึ่งตนเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับพี่สาวจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามหา

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (19 พ.ค. 68) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่แผงทุเรียนของเจ๊แก้ว โดยมีนายพงศ์พันธ์ แซ่ตั้น หรือ แอน อายุ 44 ปี สามีของเจ๊แก้ว และคนงานกำลังลงทุเรียนจากรถกระบะเข้าที่ร้าน เนื่องจากสั่งทุเรียนมาไว้ก่อนหน้านี้

นายแอน เล่าว่า เมื่อวานช่วงเย็นได้พบโทรศัพท์ของเจ๊แก้วแล้วทั้ง 2 เครื่อง ถูกตั้งไว้ในลิ้นชักโต๊ะบัญชีภายในร้าน ที่เข้าแจ้งความเพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะเจ๊แก้วสวมสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท, สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 10 บาท, แหวนทองคำน้ำหนัก 2 สลึง เกรงว่าจะเป็นการชิงทรัพย์

ส่วนตนและภรรยาก็มีเรื่องทะเลาะกันตามประสา ล่าสุด ตนได้สั่งกล้องวงจรปิดมาติดที่บ้าน และนำมาติดที่ร้าน เพื่อดูลูกค้า ซึ่งทำให้เจ๊แก้วไม่พอใจเหมือนเป็นการติดเพื่อดูเขาทำให้รู้สึกอึดอัดจึงทะเลาะกันเล็กน้อย จึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้เอาออก ซึ่งภรรยาก็ได้ตัดสัญญาณออกตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวันที่ 17 พ.ค.

โดยก่อนหน้านี้ประมาณสองปีก่อน ตนเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว ทำให้ทะเลาะกับภรรยาและเขาก็หนีออกจากบ้านไปประมาณ 10 วัน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแบบนั้น มีแค่เล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ภรรยาหลบไปพักใจเหมือนครั้งที่แล้วและปลอดภัย และหากดูข่าวอยู่ก็ขอให้กลับมาคุยกัน แต่หากเป็นการชิงทรัพย์ต่อให้ทองทั้งหมดหายไปก็ไม่เป็นไร ขอให้ภรรยากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ

ด้านการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า หลังเจ๊แก้วเสร็จงานที่ตลาดโพธิ์หวาย ได้เดินทางออกไปจากร้านทุเรียน โดยกล้องวงจรปิดบริเวณร้านสะดวกซื้อหลังโรงเรียนธิดาแม่พระ พบว่าเจ๊แก้วขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงินดำ ผ่านบริเวณสามแยกดังกล่าว มุ่งหน้าไปยังวัดพัฒนาราม (หลวงพ่อพัฒน์) ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งไม่ใช่ทางกลับบ้าน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ยังไม่ตัดประเด็นปัญหาในครอบครัวของผู้สูญหาย และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ เข้าค้นหาและตรวจสอบภายในโรงแรม ที่พักต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อตามหาอีกทางหนึ่ง

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน