เพื่อไทยเย้ยฝ่ายค้าน อาวุธหนักคงแค่ปืนลม ถามกลุ่มค้าน MOU 44 ใครได้ประโยชน์

เพื่อไทยเย้ยฝ่ายค้าน

เพื่อไทยเย้ยฝ่ายค้าน “อนุสรณ์” เย้ย อาวุธหนักของฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ คงเป็นแค่ปืนลม บอกถึงเวลาจริงไม่ตรงปก “พัฒนา” มอง “วิโรจน์” พูดก็แค่ภาษาการเมือง

ด้าน “นพดล” ย้อนถามกลุ่มค้าน MOU 2544 ใครได้ประโยชน์ วันที่ 3 มกราคม 2568 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เมื่อยื่นแล้ว ประเด็นที่นำมาอภิปรายจะมีน้ำหนักมากพอหรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ ถ้าเป็นการตัดแปะข้อมูลเก่าตามหน้าสื่อ ตามโซเชียลจะใช้ได้หรือไม่ เพราะหลายเรื่องรัฐบาลตอบเคลียร์คัทชัดเจนไปหมดแล้ว เช่น ประเด็น MOU 2544 รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็ชี้แจงครบถ้วนไปหมดตั้งนานแล้ว ถ้าจะนำกลับมารีรันฉายซ้ำตลอดไม่น่าจะได้ ประชาชนก็จะเบื่อหน่ายการเมือง

เพื่อไทยเย้ยฝ่ายค้าน

ส่วนประเด็นชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาตั้งนานแล้ว เหลือแต่ฝ่ายค้านเท่านั้นที่ขังตัวเองไว้ที่ชั้น 14 แทน จนหาทางออกมาไม่ได้จนกระทั่งปัจจุบัน ประชาชนรู้ทางการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านหมดแล้ว เพราะแทบทุกครั้งการปล่อยทีเซอร์ใช้หนังตัวอย่างกับอภิปรายจริงไม่ตรงปก กลายเป็นคนละเรื่องกันทุกครั้ง จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูนหรือการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ทำงานอย่างเต็มที่ ประชาชนรู้ทันว่าสิ่งที่อวดอ้างว่าเป็นอาวุธหนักนั้น เอาเข้าจริงอาจเป็นแค่ปืนลม ที่เป็นลมที่เบามาก ถ้าหนักด้วยข้อมูลหลักฐานเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ประชาชนได้ประโยชน์คงไม่มีใครมีปัญหาอะไร รัฐบาลมั่นใจว่าพร้อมชี้แจงได้ทุกประเด็น และมั่นใจว่าสถานการณ์การเมืองตั้งแต่ปี 2568 ถึงปี 2570 ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รัฐบาลตระหนักและเข้าใจว่าปัญหาของประเทศชาติและประชาชนรอไม่ได้ และเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงรัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่นอน

เพื่อไทยเย้ยฝ่ายค้าน

ทางด้าน นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุหลังวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นห้วงเวลาแห่งความจริงอันโหดร้ายของรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านจะเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่มีอะไร สิ่งที่นายวิโรจน์พูดออกมาเป็นภาษาการเมือง เป็นปกติที่ฝ่ายค้านต้องพูดเช่นนั้น เขาคงไม่พูดชมเชย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ให้เขาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านไป ในส่วนของรัฐบาลคงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว เราทำงานด้วยความโปร่งใสอยู่แล้ว ก็พร้อมรับการตรวจสอบ ส่วนการลงมติตนมั่นใจว่าการลงคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นปึกแผ่น ไม่มีสะดุดแน่นอน

ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า สำหรับการเมืองในสภาครึ่งปีแรก ฝ่ายค้านคงจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ทำงานมาไม่กี่เดือน แต่ก็ได้ผลักดันงานสำเร็จหลายเรื่อง น่าจะสามารถชี้แจงการอภิปรายได้ ส่วนการเมืองนอกสภาฯ ถ้าเคลื่อนไหวในกรอบรัฐธรรมนูญก็ไม่น่ากังวล เพราะเป็นสิทธิ์ ส่วนการคัดค้าน MOU 2544 ของแกนนำกลุ่มพันธมิตรเดิมนั้น รัฐบาลรับฟังความเห็นต่าง คุยกันด้วยเหตุผล แต่ไม่ค่อยสบายใจกับท่าทีของแกนนำผู้คัดค้าน

พร้อมกันนี้ ขอถามว่าที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามในเชิงด้อยค่ากระทรวงการต่างประเทศทำนองว่าเพลี่ยงพล้ำและเสียท่าให้กัมพูชามาโดยตลอด และกล่าวว่ากัมพูชาชนะสติปัญญาข้าราชการและนักการเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นทัศนคติดูแคลนต่อคนที่ถูกพาดพิงหรือไม่ ซึ่งข้าราชการคงไม่เสียเวลามาตอบโต้ทางการเมือง และโดยมารยาททางการทูต เขาคงไม่ป่าวประกาศว่าตนชนะการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร เพราะการทูตและการต่างประเทศนั้นใช้ความรู้ สติปัญญา และมารยาท แต่ที่พวกเขาขาดคือการยกตนข่มท่าน ยกตัวอย่างกรณีปราสาทพระวิหาร กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์แล้วว่าข้อกล่าวหาตน 4 ข้อ ที่เคยใส่ร้ายตนนั้นเท็จและผิดทุกประเด็น จึงอยากให้ถอดบทเรียนว่าควรดำเนินการคัดค้าน MOU 2544 อย่างไร ควรสำนึกถึงการใส่ร้ายเท็จคนอื่นและความเห็นที่ผิดในเรื่องเขาพระวิหารบ้าง แต่ก็ยังมาแสดงความคิดเห็นอีกว่า MOU 2544 ไปยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และจะทำให้เสียดินแดน ทั้งๆ ที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายบอกไม่ใช่ ก็ยังด้อยค่าเขาอีก ทำเช่นนี้ใครได้ประโยชน์.

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน