แก๊งคอลฯอาละวาดอีก อ้างเป็น “จ่าจรัญ” ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่

แก๊งคอลฯอาละวาดอีก

แก๊งคอลฯอาละวาดอีก คราวนี้ผู้เสียหายเป็นสาววัย 21 ปี ถูกคนร้ายอ้างตัวเป็น “จ่าจรัญ” สังกัด สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ข่มขู่พัวพันเว็บพนัน ทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พูดคุยหว่านล้อมให้ออกจากบ้าน เปิดโรงแรมและให้นำทองคำไปขาย โชคดีตำรวจ สน.เพชรเกษม ตามหาจนเจอระงับการทำธุรกรรมได้ทันฉิวเฉียด แก๊งคอลฯอาละวาดอีก

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม ร่วมกันช่วยเหลือ น.ส.จิดาภา อายุ 21 ปี หลังหายตัวออกจากบ้าน พร้อมสร้อยคอทองคำหนักเกือบ 4 บาท แล้วไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตอนหลังทราบว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ออกจากบ้านเพื่อเปิดโรงแรมและให้นำทองคำไปขาย แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามหาจนเจอรอดเป็นเหยื่อหวุดหวิด

แก๊งคอลฯอาละวาดอีก

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายจันทร์ ซึ่งเป็นบิดาของ น.ส.จิดาภา เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม แจ้งว่าเมื่อวันที่ 12 ก.พ. เวลาประมาณ 16.30 น. บุตรสาวได้ออกจากบ้านซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเศรษฐีวิลล์ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร และได้เอาทรัพย์สิน คือ สร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท 1 เส้น หนัก 1 บาท 1 เส้น แหวน น้ำหนัก 1 สลึง 1 วง โดยแจ้งว่าจะออกไปทำธุระ ซึ่งต่อมาไม่สามารถติดต่อได้ เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.เพชรเกษม ต่อมาทราบว่า น.ส.จิดาภา มีการขอยืมเงินเพื่อน แต่เพื่อนไม่ให้ จึงได้แจ้งให้กับทางพนักงานสอบสวนทราบ

พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม ออกติดตามตัว น.ส.จิดาภา ให้พบตัวโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยัง ผกก.กก.สส.บก.น.9 เพื่อขอสนับสนุนข้อมูลทางเทคนิค พร้อมทั้งไล่กล้องวงจรปิดเพื่อตามเส้นทางของ น.ส.จิดาภาฯ จนพบตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแค กทม.

แก๊งคอลฯอาละวาดอีก

จากการสอบถาม น.ส.จิดาภา ทราบว่าได้มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหนึ่ง โทรฯ มาแจ้งว่าตนไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ และมีการพัวพันกับการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการพนัน จากนั้นได้มีการโอนโทรศัพท์ให้พูดคุยกับ “จ่าจรัญ” ซึ่งอยู่ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ บอกว่าตนได้ทำผิด พ.ร.บ.คอมฯ เกี่ยวกับเว็บพนัน ซึ่งบอกให้ตนนำรหัสธนาคารของผู้ปกครองของตนไปให้ และห้ามบอกผู้ปกครองหรือญาติ ซึ่งผู้ปกครองของตนไม่ยินยอมให้ ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงได้บอกให้ตนหาเงินมาจำนวน 100,000 บาท เพื่อที่จะไม่ให้ดำเนินคดีกับทางผู้ปกครองด้วย ตนจึงได้นำทองซึ่งเก็บไว้ในบ้านออกไปขาย เพื่อให้ได้เงินจำนวนนั้นมา และทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ห้ามไม่ให้ตนบอกใครหรือติดต่อกับใคร และห้ามกลับบ้านให้ไปหาที่โรงแรม เพื่อเปิดห้องอยู่คนเดียว ห้ามรับสายใครหรือติดต่อกับใครโดยเด็ดขาด และบอกให้ตนโหลดแอป Binance TH (แอปเทรดคริปโต) มาและสมัครสมาชิก และให้เชื่อมกับบัญชีธนาคารของตน ก่อนที่ตนจะทำธุรกรรมสำเร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามตัวมาพบเสียก่อน จึงได้ทราบว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หยุดการทำธุรกรรมครั้งนี้ไว้ได้ทัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำ น.ส.จิดาภา มาที่ สน.เพชรเกษม เมื่อเจอกับผู้ปกครอง ทั้งคู่ได้สวมกอดกันร้องไห้ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยติดตามหาจนเจอ และไม่สูญเสียทรัพย์สิน

แก๊งคอลฯอาละวาดอีก

ด้านนายจันทร์ ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตามหาจนบุตรสาวจนเจอ ครั้งนี้ตนไม่ได้คิดว่าจะเสียเงินทองไปแล้วจะได้คืนหรือไม่ แค่ตามหาลูกให้เจอก็ดีใจมากแล้ว ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยใจจริงที่ช่วยตามหาไม่ทอดทิ้งตนเองและครอบครัว เป็นความประทับใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้

พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า กรณีนี้เป็นความโชคดีมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่กล้องวงจรปิดและสืบสวนทางเทคนิคจนพบตัวน้อง ก่อนที่จะมีการโอนเงินให้กับคนร้าย ส่วนในทางคดีก็ได้มีการประสานกับทาง ผกก.สส.บก.น.9 เพื่อหาความเชื่อมโยงในการดำเนินคดีกับคนร้าย และอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า วิธีการของคนร้ายจะอาศัยความกลัวของผู้เสียหาย ข่มขู่ได้วิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดความกลัว และที่สำคัญมีการแต่งกายคล้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เหยื่อเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ดังนั้นขอแจ้งว่าไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานราชการใดที่จะให้ผู้เสียหายหรือประชาชนทั่วไปทำธุรกรรมในการโอนเงิน หรือสอบสวนคดีผ่านทางโทรศัพท์ ดังนั้นหากพบวิธีการแบบนี้ให้เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายอย่างแน่นอน และมีอะไรให้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจจะดีที่สุด

ติดตามข่าวสาร ข่าวเด็ด ประเด็นร้อน ที่นี่ 👉 ข่าวเด็ดประจำวัน